Read me 15 - page 23

| November-December 2012 23
ศัลยกรรมเป็นเรื่องผิดธรรมชาติ?
“อย่างคนไข้ที่เกิดมาปากแหว่ ง ถ้าเราไป
ศัลยกรรมให้เขานี่ถือว่ าเราทำ�ผิดธรรมชาติ
ไ หม ใ น เ มื่อธรรมชาติ เ ขา เ กิ ดมา เ ป็ น
แบบนั้น... ผมไม่ได้มองว่าการทำ�ศั ลยกรรม
เป็นเรื่ องดี หรือไม่ ดี คือ ประเด็ นขึ้นอยู่ กับ
ว่าเป็ นกรณีที่ มี ความเหมาะสมหรือเปล่า
ถ้าสมมติ มี นั กศึ กษาคนหนึ่งอยากจะทำ �
ศัลยกรรมแต่ เขาไม่มีเงิน แล้วเขาต้ องไปทำ�
อาชี พเสริมหรือไปทำ�งานที่ ไม่สุจริ ตเพื่อที่
จะหาเงินมาทำ� อันนี้ ไม่ดีแน่นอน แต่ ถ้าคน
ที่ในชีวิตมีเงินเยอะแยะและไม่ ได้ไปเบียดเบียน
ใคร ถ้าเขาเอาเงิ นส่วนนี้มาทำ�เพื่ อให้ตัวเอง
มีความสุขมากขึ้น มันก็น่าจะใช้ได้”
“ผมว่ามันอยู่ที่ เรามองปัญหานี้กันอย่างไร
ส่วนตัวแล้วผมว่ าการทำ�ศัลยกรรมคล้ าย
กั บกา รตั ดผม แทนที่ เ ร า จ ะ ตั ด ใ ห้ สั้ น
อย่างเดียว เราก็ตัดให้เป็นทรงหน่อย แต่ถ้า
ถามว่าผิ ดธรรมชาติ หรื อเปล่ า อั นนี้ผม
ไม่แน่ใจ เอาอย่ างนี้ดีกว่า ในเมื่อคนเรายังมี
กิเลส ผมว่าการทำ �ศั ลยกรรมก็ต้ องอยู่คู่
กับโลก เพราะจริงๆ แล้ วทำ�ไมคนถึงมาทำ �
เพราะเขาคิดว่าสิ่ งที่เขาอยากได้ มันมากกว่า
สิ่งที่เขามี”
เหตุผลของคนที่มาพึ่งมีดหมอ?
“คนที่ มา เสริ มสวยนี่ มี หลายเหตุผล
ส่วนมากก็อยากจะเห็ นตั วเองดูดีขึ้ นอั นนี้
เป็นเรื่ องปกติ หรือเพื่อนชวนทำ � หรือเห็ น
เพื่ อนทำ �ไปแล้ วบอกว่ าดี ก็อยากทำ �บ้ าง
เพราะกลัวสวยไม่ เท่าเพื่อน หรือบางทีก็มา
แบบไม่บอกเหตุ ผลที่แท้จริง บางคนจะมา
ทำ �ตาสองชั้ นเขาก็บอกเคื องตามากเลย
หนังตาตกทำ�ให้มองเห็นไม่ถนัด แต่เราตรวจดู
ก็รู้ว่าไม่เกี่ยวกัน คื อบางคนก็ไม่อยากบอกว่ า
มาทำ�ศั ลยกรรมเสริ มสวยเพราะอายคนอื่น
เรื่องแบบนี้ถ้าพูดภาษาพระก็ นานาจิตตั ง
มันเป็ นความพึงพอใจของแต่ละคน คือ ถ้าใจ
เขาสงบ ยอมรับสภาพสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่ได้
เขาจะมาทำ�ทำ�ไม แต่คนทั่วไปใจไม่นิ่ง”
กระแสสังคมเป็นตัวจูงใจ?
“อย่างเรื่องกระแสวัตถุ นิยมนี่เกี่ ยวอยู่แล้ ว
มันครอบงำ�เลย ผมว่าสังคมมีส่วนเกี่ยวข้อง
อย่างมาก เราเห็ นคนมีบ้านหลังใหญ่เราก็ไป
ยกย่องโดยที่ไม่ ได้สนใจว่าเขาได้มาอย่างไร
ไม่ได้ สนใจว่าคนๆ นั้นเป็นคนดีหรื อเปล่า
เพราะเราไปสนั บสนุ นไปมุ่ งเน้นกั นที่ วัตถุ
อย่างดาราก็ มีแต่ ดาราสวยๆ ไม่ใช่ มีดารา
ที่ แสดงเก่งนะ คือ แทนที่จะสนับสนุนคนที่
การแสดงก็ไปสนับสนุนคนที่ หน้าตา คนก็ไป
ต า ม ก ร ะ แ ส สั ง ค ม ใ น ขณะ ที่ ค น ก็ ไ ม่ มี
ความพร้ อม สั งคมตอนนี้กำ�ลั งรวมไปสู่
จุดนี้หมด”
ทางออกของกระแส?
“ถ้าเราคิ ดว่าเรื่ องนี้เป็นปัญหา มั นก็ มี
สมการง่ ายๆ ในการแก้ เมื่อตั วตั้งเท่ ากับ
สิ่งที่มีอยู่ ตัวลบคือสิ่งที่เขาต้องการ แล้วคูณ
ด้วยความกังวล ผลคื อเรื่ องหน้าตาที่ เขา
ไม่ พอใจ... ความต้องการกั บสิ่ งที่เรามีอยู่
มันไม่เท่ากั นอยู่แล้ว คือยังไงก็ ต้องมี ความ
แตกต่าง แต่ถ้าเราไปแก้ที่ตัวความกังวล คือ
ไม่ต้ องไปสนใจ เราเรี ยนคณิตศาสตร์มา
รู้ อยู่ แล้ วว่ าถ้ าตั วคู ณเป็นศู นย์ ทุ กอย่ าง
ก็ศูนย์หมด สมมติมีคนมาบอกว่าผมไม่หล่ อ
เท่ ากั บพระเอกสักคนหนึ่ ง ผมก็ รู้ว่ าผม
ไม่หล่ อเท่า แต่ถามว่าผมอยากหล่อเท่ากั บ
ดาราคนนั้นมั้ ยผมก็อยาก ถ้าผมกังวลมาก
ก็แสดงว่ าปัญหาผมใหญ่ มาก แต่ถ้าผมไม่
สนใจสักอย่างปั ญหาผมก็ไม่มี เช่นเดี ยวกัน
ถ้าทุกคนที่จะเข้ามาทำ �ศัลยกรรมแล้วคิดแบบ
นี้ก็ไม่เกิดปั ญหา ไม่ต้องมาทำ�”
เมื่ อความต้องการไม่มีจุดสิ้นสุ ด?
“ถามว่าคิ ดตามสมการนี้แล้ วจะทำ �ได้
จริงไหม...ยากมาก คื อ ต้องกล่อมเกลาจิตใจ
ต้องเข้าใจธรรมชาติของสิ่งมีชี วิต ถ้าเราปลง
ได้ก็ไม่มี ปัญหาหมดแหละ นั่นหมายถึ งให้ลด
ระดั บความต้องการ ไม่ ต้องทะเยอทะยาน
ให้เกิ นสิ่งที่ตัวเองมี”
“การศัลยกรรมจะมีความสำ �คัญก็ ต่อเมื่อ
คนไม่ เ ข้ า ใจธรรมชาติแล้ วก็ไม่ ยอมรับ
ความเป็นจริ ง คือ ถ้ าเราเข้าใจธรรมชาติ
และยอมรั บความเป็นจริง ทุ กอย่างก็ จบ
การศั ลยกรรมก็ ไม่ มี ความจำ � เป็ นอะ ไ ร
ถ้ าคนเ ราหมดกิ เลสศั ลยกรรมตกแต่ง
เสริ มสวยก็ ต้ องหมดไป จะ ไปทำ �อะ ไ ร
ในเมื่อไม่ มีความต้ องการ เหมื อนอย่างที่
พระพุทธเจ้าท่านสอนให้ เราเพ่งคิ ดที่ จิตใจ
ควบคุ มที่ จิตใจ แต่ก็อย่างว่ า มันทำ�ยาก
ในเมื่อมนุษญ์ เรายังมีกิเลส”
ตอบปัญหาด้วยการทำ�ศัลยกรรม?
“การทำ �ศัลยกรรมเป็ นการตอบสนอง
ความต้องการส่วนบุคคล แล้วความต้ องการ
ของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกั น คือ ตราบใดที่เขา
ยังไม่ พอใจในสิ่ งที่ตั วเองมี เขาก็ ต้องมา
การทำ�ศัลยกรรมตกแต่งอย่างแรกท่ี ต้องทำ �
ค ว า ม เ ข้ า ใ จ ก็ คื อมั นมี ค ว า มอั นต ร า ย
มีความเสี่ยง มีทั้งข้ อดีและข้อเสี ย ก่อนจะทำ�
จะต้ องศึ กษา ต้องทำ �ความเข้าใจความ
ต้องการของตัวเองก่ อน และอย่าให้คนอื่นมา
ชักนำ�ไม่ว่าจะเป็นคนหรือเป็นสื่อ เพราะถ้าทำ�
ไปแล้วเกิดผลแทรกซ้อนตัวเราเองก็จะเสี ยใจ
เราต้องถามตัวเองอย่างชัดเจนว่าเราต้องการ
อะไร ตราบใดที่เรายังตอบคำ�ถามตัวเองไม่
ได้ก็ไม่มี ใครที่จะเข้าใจความต้ องการของเรา”