Read me 30 - page 7

ที่บอกว่าหลงรักมัน ขอลงลึกไปมากกว่านี้อีก
ได้ไหมว่า หลงรักในสิ่งใด ความเร็ว ความสนุก
ความโฉบเฉี่ยว สีสัน อุ ปกรณ์ หรืออย่างอื่น
ผมมองว่ า รถเป็นยานพาหนะชนิดหนึ่ง แต่ว่ากีฬาแข่ งรถ เป็นอะไร
ที่ยิ่งกว่านั้น คือหลายคนอาจจะมองว่ า แค่คนที่ขับได้ต้ องใจถึง หรื อว่าคน
ที่เหยียบคันเร่งได้ มิดที่สุด ถึงจะเป็นผู้ชนะ แต่ผมมองว่ า กีฬาแข่งรถน�ำไป
ปรับใช้กั บชีวิตประจ�ำวันได้ เช่น ถ้าเกิดเราเหยียบจนมิด หรือว่าไปใจถึง
กับมันมากจนเกิ นไป ในโค้งเล็กๆ หรือว่าโค้ งที่หักศอก มันก็จะแหกสิครั บ
(หัวเราะ) ซึ่งนี่แหละคื อ เสน่ห์ของมั น ผมว่ามันคื อเสน่ห์อย่างเดียวเลยที่
ผมรักมั นมากๆ เพราะว่า การแข่งรถทุกสิ่งอย่ างอยู่ที่ความพอดี ถ้าคุณใช้
ความเร็วที่ พอดีกับโค้ งหรือสนามนั้นได้ คุณก็ ท�ำเวลาต่อรอบได้เร็วขึ้น และมี
โอกาสชนะสูงขึ้น มันปรับใช้กั บชีวิตประจ�ำวันของผมได้จริ งๆ เรื่องของความ
พอดี เดินทางสายกลาง ทุกๆ อย่าง ถ้าท�ำอย่างพอดี ชีวิตคุณก็จะดีแน่นอน
นั่นเป็นเสน่ห์ของการแข่ งรถ ซึ่งจะแตกต่างจากคนภายนอกที่เขามองเข้า
มาว่า กีฬาแข่งรถคือ กี ฬาที่ต้องใช้ใจ เป็นกี ฬาของพวกเด็กแว้น เป็นกีฬา
ของพวกคนมีสตางค์ ไม่ใช่ครับ มันเป็ นกีฬาที่ต้ องใช้ความพอดีเท่านั้นเลย
การแข่ งรถแบบนี้
มันเกิดอุบัติเหตุได้ ง่ายหรือบ่อยแค่ไหน
ผมมองว่า อุบัติ เหตุเกิดขึ้นได้ทุ กที่ ทุกเวลา และทุกการแข่งขั นอยู่
แล้ว ไม่ว่าจะเป็นรถแข่งหรือกีฬาประเภทอื่นๆ แต่กีฬาแข่งรถเป็ นกีฬาที่ต้อง
ใช้ความเร็ว อาจจะเกิดอุบั ติเหตุได้ ง่ายกว่ากีฬาประเภทอื่นๆ นิดหนึ่ง แต่
อุบัติ เหตุที่ร้ายแรงอาจจะเกิดขึ้นได้น้อยมาก เพราะนักแข่ งรถแต่ละคนต้อง
ขับอย่างมีสติ ขับอย่างมีความช� ำนาญ แล้วทุ กคนขับไปในเส้นทางเดียวกัน
วิ่งไปในทางเดี ยวกัน ไม่ใช่ว่ าแข่งกันตามท้องถนนที่มี รถตัดหน้า ซึ่งถ้าเป็น
สนามที่ได้มาตรฐาน จะมีสิ่งที่เรียกว่า RUN OF AREA ซึ่งถ้าเกิ ดผมหลุดไป
ผมจะไม่เจอกับอะไรเลย จะเจอแต่ที ่โล่งกว้าง ซึ่ งจะปลอดภัยกับการแข่งขัน
มากๆ ผมจึ งมองว่า อุบั ติเหตุที่เป็นการเบี ยดหรือเสียดสี เกิดขึ้นได้ตลอด
เวลา แต่อุบัติ เหตุที่รุนแรงแบบที ่ผมรถคว�่ำนั้น หรือว่าถึงเกิดขึ้นได้น้อยมาก
หรือเรียกได้ ว่าต้องโชคร้ายจริงๆ ถึงจะเจอ
เป็นกีฬาที่ มีชี วิตเป็นเดิมพันและตั้งอยู่บน
ความเสี่ ยงมากๆ มีอารมณ์กลัวบ้างไหม
ไม่กลัวครั บ เพราะอย่างที่บอก มันค่อนข้างปลอดภัย ไม่ได้ อันตราย
อย่ างที่คนอื่นเขาคิด ทุกคนมาแข่ งด้วยสติ สัมปชั ญญะร้อยเปอร์ เซ็นต์
มี ความช�ำนาญและเก่งอยู่ในตัว เขาก็จะระวังอยู่แล้วส�ำหรั บ สนามที่ใช้แข่งก็
ปลอดภั ย เหมือนกั บที่ได้บอกไปในตอนต้ น เริ่มมาตั้งแต่เด็ก มี ความเคยชิน
ประมาณหนึ่ง ก็เลยไม่กลัว
ระหว่างแข่งเคยคิดถึงความตายบ้างหรือเปล่า
ใครจะไปนั่งคิดครั บ (หัวเราะ) จริงๆ การแข่งขันคิ ดอยู่อย่างเดี ยวว่า
จะเข้าโค้งอย่างไร จะแก้ไขได้ไหมในรอบต่อไป จะท�ำเวลาได้ เร็วกว่านี้ ไหม นี่
แหละคือสิ่งที่คิดอย่างเดียวเลย และอาจจะมีเพิ่มเติมมาบ้างคือ ตอนแข่งอาจ
จะมีเดาเหตุการณ์ เฉพาะหน้านิ ดหน่อย เดาว่า คู่แข่ งของเราขับสไตล์ไหน
หรือว่านักแข่งตรงข้ามเป็นอย่างไร ก็ อาจจะต้องเดานิดหนึ่ง ถ้าสมมติ ว่าเขา
เป็นคนใจร้ อน ก็ต้องระวังให้มากขึ้น หรือว่าถ้าเขาเป็นคนขับรถที่มารยาทดี
มากๆ ก็อาจจะค�ำนวณว่า เราสามารถแซงโค้งหน้าได้ หรื อว่าจะขั บอย่างไร
ให้ปลอดภัย ซึ่ งมันมีการเดาอยู่ บ้าง แต่หลักๆ เลยคือ คิ ดอย่างไรก็ได้ ให้เรา
เข้ าโค้งนี้ให้เร็วที่สุ ดแค่นั้ นเอง
เคยมี ความคิดว่า แข่งรถแล้ วเท่บ้างหรือเปล่า
ตอนเด็กๆ ไม่เคยคิดเลย คิ ดแต่ว่ าการแข่งรถก็ คือกี ฬาประเภท
หนึ่ง ตอนนี้ก็ยังคิดอยู่นะว่า มันเป็นกีฬาประเภทหนึ่ง แต่ก็ต้ องยอมรับว่ า
มี บ้างบางครั้งที่รู้สึกว่า ก็เท่เหมือนกั นนี่หว่า (หัวเราะ) โดยเฉพาะตอนไป
ขับที่สนามบางแสน เมื่อประมาณ 2-3 ปีที่แล้วที่มาแข่งครั้งแรก ต้องบอก
นิ ดหนึ่งว่า สนามบางแสนเป็นสนามที่ค่อนข้างใกล้ ชิดกับผู ้ชมมากๆ เพราะ
ผู้ชมเข้ ามาดูได้ฟรี รวมถึงรถแข่งและนักแข่ งก็อยู่ติ ดริมชายหาด ใครก็ตาม
ที่ มาเที่ยวบางแสนหรื อว่ามาเที่ยวทะเล เขาก็ต้ องเจอกับรถและนั กแข่งรถ
ซึ่งมันก็น่า ตื่นเต้น ตื่นตาตื่นใจ เป็นของธรรมดา แล้วเขาก็เข้ามาขอถ่ายรูป
ตอนนั้นผมยังเด็กอยู่ และยังไม่ได้เข้าวงการบันเทิง ก็ยังไม่ชินกับเหตุการณ์ตรงหน้า
แต่มี ความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมานิดหนึ่งว่า มีคนมากรี๊ดเราด้วย นั่นแหละคือความ
รู้สึ กครั้งเดียวและครั้งแรกที่รู้ สึกว่า เป็นนักแข่ งรถแล้วมันเท่แบบนี้นี่เอง
แข่งกับความเร็วแบบนี้
เคยเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงบ้ างไหม
ร้ายแรงและหนักที่ สุดก็น่ าจะเป็นรถคว�่ำ ลงมานี่น�้ำตาไหลเลย คือ
เสียดายรถ (หัวเราะ) เพราะต้องทิ้ งรถเลย คือมันบุบเป็นกระป๋ องเลย
คว�่ำหลายตลบมาก ประมาณ 3 รอบได้ แต่ต้องบอกก่อนนิดหนึ่งว่า คนขับ
ไม่เป็นอะไรเลย คือผมแค่เดินลงมาจากรถ แล้วก็ อาจจะมีอาการช�้ ำนิดๆ
หน่อยๆ ตามคอหรือแขน แต่ว่าไม่ได้เป็นอะไรถึงชีวิตเลย เพราะว่ารถค่อนข้าง
ที่จะปลอดภัยพอสมควร
เห็นว่าผ่านมาหมดแล้ว ทั้ งรถโกคาร์ท รถฟอร์มูล่า
และล่าสุดอย่างรถทัวริ่งคาร์ รถ 3 ประเภทนี้
มีความเหมือนหรือแตกต่างอย่ างไร
อธิบายให้ คนทั่วไปได้เข้าใจหน่อย
ความเหมือน แน่นอนมันเป็ นรถเหมือนกัน แต่ ความแตกต่างก็คือ
เรื่องของไซส์ รถโกคาร์ทจะเป็นรถไซส์เล็ก รถฟอร์มู ล่าจะเป็นรถไซล์ใหญ่
ขึ้นมาอีกหน่อย และรถทัวริ่งคาร์ก็คือ รถยนต์ที่ขับกันตามท้ องถนนทั่วไป
มี 4 ประตู ซึ่งถ้าจะให้แยกอย่ างเห็นได้ชัดเลยก็คือ รถแข่งจะแบ่งออกเป็ น
2 ประเภทใหญ่ๆ ซึ่งประเภทแรกก็คือ ล้อเปิด กับประเภทที่สองคือ ล้อปิด
ล้อเปิดคือ รถโกคาร์ท รถฟอร์มู ล่า อะไรก็ ตามที่คุณเห็นล้อทั้งวง เห็ นล้อได้
โดยที่มองจากข้างนอก เขาเรียกว่า รถล้อเปิด เช่น รถโกคาร์ท รถฟอร์มูล่า
อย่างล้ อปิดก็จะเป็นประเภทรถจีที รถจีทีก็คือ รถสปอร์ ต อาทิ แลมโบกินี
เฟอร์รารี และสุดท้าย รถทั วริ่งคาร์ก็จะเป็นรถแบบล้อปิด ซึ่งคุณจะไม่เห็ น
ล้อเต็มวง เห็นแค่ ล้อแม็กซ์กั บแก้มยางเท่านั้น นี่คือ 2 ประเภทที่แยกกัน
ได้อย่างชัดเจน
ส่วนวิธีการขับ อันนี้จะย่อยลึกลงมาหน่อย วิ ธีการขับจะแตกต่างกัน
แน่นอน ซึ่งรถโกคาร์ทกั บรถฟอร์มูล่าจะใกล้เคียงกัน ความรู้สึกในการเข้า
โค้งเหมือนกัน คือต้องใช้ความเร็ วอย่างพอดี ซึ่ งยังต้องใช้ พื้นฐานตรงนี้อยู่
รวมถึงถ้าเกิดใครที่มาจากรถโกคาร์ท จะมี พื้นฐานที่แน่นกว่าคนอื่นที่ไม่ได้
เริ่มมาจากรถโกคาร์ท ผมมองว่า คนที่เริ่มจากรถโกคาร์ ทจะปรับตั วได้เร็ว
กว่าคนอื่นๆ ที่ไม่เคยขับมาก่อน ผมคิดว่า เป็นพื้ นฐานที่ดีส� ำหรับนักแข่งรถ
7