Read me 4 - page 25

25
เดิมที ประเทศมหาอำนาจผู้กุมอำนาจโลกมักใช้ สงครามเป็นตัวแทนแสดงความ
ยิ่งใหญ่ และหมุนโลกทั้งใบให้ ไปในทิศทางของตน แต่นั่นกลายเป็นความเชื่ อคร่ำครึ เมื่อโลกของ
อำนาจเงินเข้ามาแทน ประเทศใดที่มีเศรษฐกิจแข็ งแกร่งจะเป็นผู้หมุนโลกให้ไปในทิศทางของตน จนเป็ น
เรื่องน่าขบคิดว่าเศรษฐกิจโลกข้างหน้าจะเป็นอย่างไร
เมื่อต้นปี ที่ผ่านมา มีข่าวครึกโครมเกี่ ยวกับคำทำนายของนายอิกอร์ พานาริน นักวิเคราะห์ชาว
รัสเซีย ว่าในปี พ.ศ. 2554 สหรั ฐอเมริกาจะล่ มสลาย รัสเซียและจีนจะผงาดขึ้นมาเป็นชาติมหาอำนาจของโลก
ซึ่งก็ มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นจริ ง ด้วยประชากรที่มีมากและศักยภาพในการขยายตัว รวมถึ งสองประเทศนี้มีตลาดเกิด
ใหม่ค่อนข้างสูง ขณะที่สหรั ฐอเมริกาพบกับวิกฤตเศรษฐกิจตลอดปี พ.ศ. 2553
ส่วนเศรษฐกิจรั สเซียเริ่ มมีเสถี ยรภาพและเริ่มฟื้นตั วจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี พ.ศ. 2552 นั กวิเคราะห์
เศรษฐกิจเชื่ อว่าเศรษฐกิจรัสเซียจะขยายตัวได้ดีกว่าที่ทางการรัสเซียคาดการณ์ไว้ โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะมา
จากการขยายตัวของการส่งออกและการใช้จ่ ายของภาครัฐ
วกกลับมาดูจีน ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และมีอำนาจรัฐค่อนข้างเบ็ดเสร็จทำให้มีศักยภาพ
ในการตัดสินใจลงทุนที่หลากหลายด้วยเม็ดเงินมหาศาล อาจทำให้ ยาจกเป็นเจ้าสั วได้แค่ชั่วข้ามคืน จีนจึงถือเป็น
อีกขุมทองของนักลงทุน จนมีคำพู ดของนักลงทุนไทยที่ว่า “จีนหักปากกาเซียนมานักต่อนัก”
อนาคตเศรษฐกิจโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่ างไร เป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดา หากมองย้อน
กลับไปจะเห็นว่าเศรษฐกิจไม่ว่าจะระดับประเทศหรือระดับโลก มีความผันผวนขึ้นลงอยู่ตลอดเวลา
กลายเป็นสิ่ งที่พอจะพยากรณ์อนาคตได้ว่า ประเทศมหาอำนาจอย่ างสหรั ฐอเมริกา หรือ
ประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง
เพราะประวัติศาสตร์เศรษฐกิจไม่ เคยมีบันทึ กว่าประเทศใดจะมี
เศรษฐกิจที่ดีหรือเลวร้ายตลอดไป
เศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนที่ยากจะคาดเดา
contiNEW to GLOBAL ECONOMY