Read me 6 - page 7

04
03
รั
ตน์
ดาว บั
ญญั
ติ
นพรั
ตน์
(วิ
ว)
ชั้
นปี
ที่
3 คณะสถาปั
ตยกรรมศาสตร์
สถาบั
นเทคโนโลยี
พระจอมเกล้
าเจ้
าคุ
ณทหารลาดกระบั
“การเลี
ยนแบบจะดี
หรื
อไม่
ขึ้
นอยู่
กั
บว่
าเลี
ยนแบบอะไร เลี
ยนแบบ
ผลลั
พธ์
สุ
ดท้
าย เลี
ยนแบบความคิ
ดแล้
วเอามาต่
อยอด หรื
อสั
กแต่
ว่
เลี
ยนแบบให้
เหมื
อนเพี
ยงอย่
างเดี
ยว อย่
างไรก็
ดี
การเลี
ยนแบบบาง
ครั้
งก็
จำเป็
นสำหรั
บการเรี
ยนรู้
เหมื
อนวิ
ชาภาษาไทยก็
ยั
งมี
ตำรา
แม่
แบบให้
ฝึ
กและปฏิ
บั
ติ
ตาม แต่
ถ้
าให้
เลี
ยนแบบอะไรแล้
ว ขอ
เลื
อกที่
จะ ‘เรี
ยน(เขี
ยน)แบบ’ ดี
กว่
า”
พิ
มลพั
ชร์
ธนุ
สุ
ทธิ
ยาภรณ์
(พอลลี
น)
ชั้
นปี
ที่
4 คณะศิ
ลปกรรมศาสตร์
ภาควิ
ชานฤมิ
ตศิ
ลป์
จุ
ฬาลงกรณ์
มหาวิ
ทยาลั
“ การเลี
ยนแบบไม่
ใช่
สิ่
งดี
เพราะเป็
นการหยิ
บเอา
ความคิ
ดของคนอื่
นมาหาประโยชน์
ทางที่
ดี
เราควรเปลี่
ยนจาก
เลี
ยนแบบผลงานมาเลี
ยนแบบการกระทำ นั่
นคื
อ ศึ
กษาวิ
ธี
คิ
ดและ
วิ
ธี
ทำงานของคนเก่
ง ๆ เป็
นแบบอย่
าง แล้
วประยุ
กต์
ให้
เข้
ากั
บการ
ทำงานของเรา น่
าจะเป็
นด้
านบวกของการเลี
ยนแบบที่
ดี
ที่
สุ
ด ”
1,2,3,4,5,6 8,9,10,11,12,13,14,15,16,17,...42