Read me 30 - page 23

B-Boy มีต้นก�ำเนิดเมื่อสมั ย ค.ศ.1970 ช่วงที่
แนวเพลงชนิดหนึ่งที่ เรียกว่า R&B ซึ่งเป็นแนวเพลงที่
เกิดจากการผสมผสานระหว่างแนวดนตรี โซล (Soul)
และ ฟังก์ (Funk) ก�ำลังเป็นที่ได้ รับความนิยม ก�ำเนิด
ขึ้นในย่าน Bronx ที่ New york ประเทศสหรั ฐอเมริกา
ซึงเป็นย่านที่ให้ก�ำเนิดดนตรีประเภท Hiphop ในช่ วงปี
70s B-boy เป็นเพียงรากของวัฒนธรรม Hiphop
เมื่อB-Boyเริ่มแพร่หลายมากขึ้น ท่าทางแปลก
ใหม่ก็ ถูกคิดค้นขึ้ นมาและพัฒนาต่อไปเรื่ อยๆ รายการ
ทีวีต่างๆ ก็ได้น�ำเสนอในรูปแบบของมิวสิควีดีโอ และด้วย
ท่ าเต้นที่เป็นเอกลักษณ์ การเต้นB-Boy จึ งแพร่หลายไป
ทั่ วโลกอย่างรวดเร็ว
B-Boy ท่าทางของการเต้น จะประกอบไปด้ วย
องค์ประกอบหลักๆ อีก 4 ชนิด หากใครที่สามารถผสม
ผสานกันอย่างลงตัว จึงจะถื อว่าเป็น B-Boy ที่ สมบูรณ์
แบบ นั่นคือ Toprock , Footwork , Powermove ,
Freezes
จากที่เต้นกั นตามซอกตึก หรือข้ างถนน เมื่อมา
ถึงยุค80 ซึ่งเรียกได้ว่ าเป็นยุ คทองของB-Boyเลยก็ว่าได้
เนื่องจากการที่ B-boy เริ่มเป็ นที่แพร่หลายมากขึ้น การ
ปรากฏตัวของที มเต้นก็เริ่มมีให้เห็นตามสถานที่ ที่ต่ าง
ออกไป ไม่ ใช่แค่เพี ยงซอกตึก หรือบ้านร้าง แต่เริ่มเข้า
มามีบทบาทตามClub
เมื่อกระแสการเต้นบีบอย เริ่มแพร่หลายไปยัง
ทั่ วโลก ทางเอกชนจึงคิดหาวิธี ที่จะน�ำนั กเต้นจากทั่วโลก
มา Battle กั น จึงได้เกิดเป็นงานแข่งขันงานที่ใหญ่ที่สุ ด
ของเหล่านั กเต้นบีบอย ที่มี ชื่อว่า การแข่งขั น “Battle
of the year (BOTY)” ขึ้ นในปี 1990 เป็นการแข่งขัน
ประเภททีมของแต่ละประเทศ แต่ละประเทศจะคัดเลื อก
ที มเต้นที่เจ๋งที่สุด แล้วส่งมาในรอบคัดเลือก ก่อนจะท� ำ
มาตัดสินโดยคณะกรรมการอีกทีหนึ่ง ซึ่ งการแข่งขั นนี้
ได้รับการยอมรับว่าเป็นการแข่ งขันที่ส�ำคัญที่สุ ดในโลก
เนื่ องจากสามารถดึงเอาผู้ คนที่มีความแตกต่ างทั้งทาง
ภู มิศาสตร์ภาษาและเชื้ อชาติ แต่ สนใจในสิ่งเดียวกัน
มาท�ำกิจกรรมร่วมกันได้ โดยที่ การแข่งขั นนี้เติบโตเพิ่ม
มากขึ้นทุกปี จากปีแรกที่ จัด มีผู้เข้ าชมเพียงประมาณ
ไม่กี่พันคน และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนปี ล่าสุดที่ ผ่านมา
(ค.ศ.2012) มีผู้ เข้าชมการแข่งขัน Battle of the year
มากกว่า 10000 คนเลยทีเดียว การเติบโตขึ้ นทุกปี เป็น
ไปตามคอนเซปของงานที่ถูกเขียนด้ วยประโยคสั้นๆ ใต้
โลโก้ว่ า “ A change of direction ”
B - B O Y
ท� ำให้ควบคุ มร่างกายได้ดีขึ้ น
ร่างกายโดยรวมมี ความอ่อนตั วและ
เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้ น ท�ำให้
อารมณ์เบิกบานและจิตใจแจ่ มใส
การออกก� ำลั งกายจะช่ วยให้
ร่างกายเผาผลาญไขมัน เมื่อไขมันถูก
เผาผลาญไปแล้ ว ก็ จะไม่อุดตั นทาง
เดินของโลหิต ท� ำให้เลือดของเราเดิน
ทางได้สะดวก ไม่ก่อให้เกิดโรคทางเดิน
ระบบโลหิ ตอุดตัน
HDL หรื อไขมันในเลื อดชนิด
ดี เป็ นตั วที่ช่ วยลดระดับน�้ ำตาลใน
เลื อด ท�ำให้ไม่เกิดน�้ำตาลส่วนเกิ น ซึ่ง
เป็นสาเหตุ ของโรคเบาหวาน กล่าวคือ
สามารถป้องกั นเบาหวานได้นั่นเอง
เพราะจะมีการหลั่ งสาร เอน
โดรฟิ น หรือสารแห่งความสุขออกมา
ให้เราได้รู้สึก ‘ฟิน’
เห็ นประโยชน์ทางสุขภาพของ
การเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีมขนาดนี้ หลาย
คนคงเกิดความฮึ กเหิม อยากจะเข้า
วงการแห่ งความท้าทาย หรือบางคน
ก็คงอยากจะลองเล่นขึ้นมาบ้างแต่ไม่รู้
ว่ าจะเริ่มยังไงดี แต่ช่ วงเวลาที่ยากที่สุด
ของการเล่ นกีฬาชนิดนี้ มันคือช่วงเวลา
ที่ เราตัดสินใจว่ าเราจะลุกขึ้ น ‘ลอง’
หรือ ‘ไม่ลอง’ ต่ างหาก หากเพียงลุ ก
ขึ้ นมาแล้วลองท�ำมัน ทุกกระบวนการ
ถัดไปก็ คงเป็นความสนุ กเท่านั้นที่จะ
เป็ นน�้ำมันหล่ อลื่นขับเคลื่อนเราให้ ไป
ต่อได้อี กนาน
การเต้น B-Boy หรื อ Freerun-
ning ท�ำให้ ได้ ออกก�ำลังกาย ขยั บ
ร่างกายทุกส่วน ส่งผลให้ ระบบไหล
เวียนเลือดผ่านในร่ างกาย สูบฉีดอย่าง
เต็มที่ ช่วยเพิ่มเส้นเลื อดฝอย ในช่วง
แรกของการฝึกฝนเราจะเหนื่ อยง่าย
เพราะว่าร่างกายยังไม่ปรับสภาพ แต่
หลังจากออกก�ำลังกายไปสักสองสาม
วัน ร่างกายจะเริ่มสร้างกล้ามเนื้อขึ้น
มา ท�ำให้การท�ำงานของหัวใจไม่หนัก
และไม่เหนื่อยง่ายหรือเหนื่อยเร็ว
ก็คือเมื่อเราออกก�ำลังกายหัวใจ
ก็สามารถสูบฉีดเลือดไปตามเส้ นเลือด
ได้เต็ มที่ ไม่ไปอุดตันตามเส้นเลื อด
ท�ำให้ความดันโลหิตปกติ
ปอดจะมี การขยายเมื่อเราออก
ก�ำลังกาย ท�ำให้ ได้รับออกซิเจนเพิ่ม
มากขึ้น
บุคลิก การเคลื่อนไหว
และการจัดระเบียบ
ร่างกาย
ระบบเคมีในเลือดดีขึ้น
การออกกำ�ลังกายจะ
ช่วยเพิ่ม HDL
ทำ�ให้ ร่างกายรู้สึก
ผ่อนคลาย สบายใจ
สบายกาย
ทำ�ให้ระบบไหลเวียน
ของเลือดดีขึ้ น
ทำ�ให้ไม่เป็ น
โรคความดันโลหิตสูง
ทำ�ให้ระบบหายใจดีขึ้ น
Photo
www.thaistreetdance.com 23