Read Me 36 - page 3

เราคื
อใคร?
อาจเป็
นค�
ำถามพื้
นฐานที่
สุ
ดส�
ำหรั
บมนุ
ษย์
คนหนึ่
ง แต่
ขณะเดี
ยวกั
ก็
เป็
นค�
ำถามที่
ใครหลายคนไม่
สามารถหาค�
ำตอบที่
น่
าพอใจให้
ตั
วเองได้
ใน
ระยะเวลาอั
นสั้
น ยิ่
งในโลกยุ
คใหม่
ที่
เราสามารถสร้
างตั
วตน ‘จ�
ำลอง’ ผ่
าน
โซเชี
ยลมี
เดี
ยด้
วยแล้
ว ย่
อมท�
ำให้
เกิ
ดค�
ำถามตามมาอี
กจ�
ำนวนหนึ่
งว่
แม้
เราจะสามารถตอบค�
ำถามพื้
นฐานข้
างต้
นได้
แต่
สุ
ดท้
าย ค�
ำนิ
ยามของ
ตั
วเรานั้
น เราสามารถก�
ำหนดขึ้
นเองโดยสมบู
รณ์
หรื
อเป็
นเพี
ยงส่
วนเสี้
ยว
ในค�
ำนิ
ยามหลากรู
ปแบบที่
คนอื่
นส่
งผ่
านมาให้
เรากั
นแน่
?
ในกรณี
นี้
คนประเภทหนึ่
งที่
น่
าจะประสบปั
ญหาจากการนิ
ยามตั
วตน
มากที่
สุ
ดคงหนี
ไม่
พ้
นชาว ‘ลู
กครึ่
ง’ ผู
ยื
นอยู
บนสองวั
ฒนธรรม
อยู
กึ่
งกลางระหว่
างสองค�
ำนิ
ยาม และไม่
อาจหาข้
อสรุ
ปได้
เพี
ยงหนึ่
ซึ่
งในหลายๆ ครั้
ง ความอิ
หลั
กอิ
เหลื่
อที่
เกิ
ดขึ
นจากการพยายามหา
ค�
ำนิ
ยามอย่
างเอาเป็
นเอาตายนี้
ก็
มิ
ได้
เกิ
ดขึ้
นโดยเงื่
อนไขความจ�
ำเป็
ทางสั
งคม หากแต่
เกิ
ดขึ้
นในสภาวะจ�
ำยอม
นิ
ตยสาร Read Me ฉบั
บนี้
จึ
งอยากชั
กชวนผู
อ่
านทุ
กท่
าน มาร่
วม
ท�
ำความเข้
าใจอี
กด้
านหนึ่
งของ ‘ลู
กครึ่
ง’ ว่
าที่
สุ
ดแล้
ว พวกเขาเป็
นใคร
ในสั
งคม และมี
มุ
มมองต่
อสองวั
ฒนธรรมที่
เคยประสบอย่
างไร แน่
นอนว่
เรื่
องราวทั้
งหมดของพวกเขาที่
คุ
ณจะได้
รั
บรู
ต่
อจากนี้
ย่
อมมิ
ได้
มี
เพี
ยง
ด้
านที่
สวยงาม เหมื
อนรู
ปลั
กษณ์
ที่
เราสั
งเกตเห็
นได้
จากภายนอกเพี
ยง
ด้
านเดี
ยว
ในปั
จจุ
บั
นคงไม่
มี
ใครตอบได้
แน่
ชั
ดว่
ามนุ
ษย์
คนแรกมี
เชื้
อชาติ
อะไร
ถึ
งแม้
จะมี
การสั
นนิ
ษฐานว่
าบรรพบุ
รุ
ษของแต่
ละเชื้
อชาติ
สื
บสายพั
นธ์ุ
ต่
อมาจากมนุ
ษย์
กลุ
มใดก็
ตาม หรื
อว่
าเราก็
ล้
วนแล้
วแต่
เป็
น ‘ลู
กครึ่
ง’
นี่
อาจจะเป็
นข้
อสั
นนิ
ษฐานที่
มี
ความเป็
นไปได้
สู
ง หากจะกล่
าวว่
าเราต่
างเป็
ลู
กครึ่
ง ลู
กเสี้
ยว ลู
กเศษ ฃองชาติ
พั
นธ์ุ
ที่
ได้
รั
บการผสมผสานมาตั้
งแต่
สิ่
งมี
ชี
วิ
ตแรกได้
ถื
อก�
ำเนิ
ความหลากหลายยั
งคงเป็
นประเด็
นส�
ำคั
ญต่
อกระบวนการวิ
วั
ฒนาการ
ไม่
ว่
าจะเกิ
ดขึ้
นในสิ่
งมี
ชี
วิ
ตชนิ
ดไหน ความแตกต่
างเป็
นส่
วนผสมที่
จ�
ำเป็
ต่
อการสร้
างสรรค์
สิ่
งใหม่
อยู
เสมอ คงจะดู
แปลกอยู
ไม่
น้
อยถ้
าหากโลกนี้
มี
ต้
นไม้
และสั
ตว์
อยู่
เพี
ยงอย่
างละหนึ่
งชนิ
ด และคงจะดู
แปลกมากขึ้
นไปอี
ถ้
าหากมนุ
ษย์
ทุ
กคนบนโลกมี
รู
ปร่
างหน้
าตา เพศสภาพ จนกระทั่
งวิ
ถี
ชี
วิ
ความคิ
ดหรื
อทุ
กสิ่
งที่
เหมื
อนกั
นหมด
หากย้
อนไปในอดี
ต ก่
อนที่
แผ่
นดิ
นจะถู
กขี
ดเส้
นแบ่
งและได้
รั
การตั้
งชื่
อขึ้
นมา เพื่
อความสะดวกในการเรี
ยกขานหรื
อเพื่
อความชั
ดเจน
ในการแสดงความเป็
นเจ้
าของ จะว่
าไป หากไม่
มี
น�้
ำหรื
อเขตแดนกั้
นอยู
แผ่
นดิ
นทั้
งหมดก็
ยั
งคงเป็
นผื
นเดี
ยวกั
น อาจจะเช่
นเดี
ยวกั
บการเป็
‘มนุ
ษย์
’ เมื่
อเรายอมรั
บความจริ
งและมองข้
ามเปลื
อกที่
ถู
กสร้
างขึ้
ด้
วยค�
ำว่
า ‘ชาติ
’ ไม่
ว่
าจะเชื้
อชาติ
สั
ญชาติ
หรื
อสี
ของรู
ปลั
กษณ์
ภายนอก
กระทั่
งความแตกต่
างของภาษา วั
ฒนธรรม วิ
ถี
ชี
วิ
ต ความเป็
นอยู่
แม้
แต่
ความคิ
ดและอื
นๆ ที่
ปฏิ
เสธไม่
ได้
ว่
าเราทุ
กคนมี
ความแตกต่
าง แต่
เมื่
อมองให้
ลึ
กลงไปแล้
ว เราไม่
ได้
แปลกแยกจากการเป็
นมนุ
ษย์
เลยแม้
แต่
น้
อย
Editor’s Talk
อนั
ญญา
โรทปั
จฉิ
มา
พุ
ทธิ
พงศ์
อึ
งคนึ
งเวช
1,2 4,5,6,7,8,9,10,11,12,13,...56
Powered by FlippingBook