STAND |
15
UNZIP
เรื่อง: อนัญ’ นฤที / ภาพ: ณัฐพล วุฒิเพ็ชร์
สิ่
งที่
เห็
น สิ่
งที่
เป็
น... จี
น - กษิ
ดิ
ศ สำ
�เนี
ยง
GENE
KASIDIT
ชี
วิ
ตวั
ยเด็
กคลุ
กคลี
อยู่
กั
บดนตรี
ความชอบสั่
งสมจนตอนเรี
ยนชั้
นมั
ธยมเริ่
มทำ
�เพลงแลกกั
นฟั
งในกลุ่
มเพื่
อน การทำ
�วงดนตรี
ในโรงเรี
ยน
ช่
วยย ้
ำ
�ความรู้
สึ
กในการอยากทำ
�เพลงที่
ตั
วเองอยากฟั
งให้
มี
ความชั
ดเจน จนถึ
งขั้
นทำ
�ให้
รู้
ตั
วว่
าอยากจะทำ
�อั
ลบั้
มและอยากจะเป็
นศิ
ลปิ
น
แน่
นอนว่
าวั
นนี้
เธอได้
ทำ
�อั
ลบั้
ม ได้
เป็
นศิ
ลปิ
นและมี
งานเพลงประสบความสำ
�เร็
จตามที่
หวั
ง แต่
ด้
วยภาพลั
กษณ์
ที่
มี
ความต่
างอย่
างเฉพาะตั
ว
จึ
งชวนให้
‘STAND’ มี
ข้
อสงสั
ยที่
อยากไถ่
ถามถึ
งความคิ
ดและชี
วิ
ตของเธอผู้
นี้
XOXO
จุ
ดเริ่
มต้
นของการเดิ
นในสายดนตรี
“วงฟู
ตอง (Futon) เกิ
ดปี
2003 ประมาณ
สิบปีที่แล้ว ตอนนั้นเขากำ�ลังหานักร้องนำ� เราก็
เบื่
องานประจำ
�มากเลย อยากเป็
นนั
กร้
อง ก็
ไป
ออดิชั่น เข้าไปเขาก็ไม่รู
้ว่าเราร้องเพลงเป็น สรุป
เราก็ได้ทำ�เพลง ‘I wanna be your dog...’ แล้วก็
เปรี้
ยงขึ้
นมาเลย เพราะเป็
นแนวอิ
เล็
กโทรนิ
ก
ซึ่งใหม่มากในสมัยนั้น”
เมื่
อดนตรี
และการแต่
งตั
วส่
งผลซึ่
งกั
นและกั
น
“ตั้งแต่ฟู
ตองก็จะบ้าๆ แล้ว เป็นการทดลอง
ลุ
คจั
บนู
่
นผสมนี่
แบบป่
วงมาก ใส่
แค่
ขาสั้
นกั
บ
เสื้อยืดโง่ๆ ขึ้นเวที เขียนตา ทาปาก ทำ�มาหมด
แต่
ตอนนั้
นยั
งก ่ ำ
�กึ่
งอยู
่
ยั
งไม่
ค้
นพบความเป็
นหญิ
ง
ฟู
ตองจะมี
ยุ
คที่
แต่
งแรงมาก จนถึ
งยุ
คที่
แต่
ง
แย่
มากเพราะถู
กบั
งคั
บ ซึ่
งทุ
กอย่
างต้
องเป็
น
ประชาธิปไตย แล้วเราขี้แต่งตัว ไปๆ มาๆ เราก็
ไม่
อิ
นเพลง แล้
วเพลงก็
ไม่
ส่
งจิ
นตนาการให้
เรา
แต่
งตั
ว เราก็
เลยออกมาทำ
�เดี่
ยว แรกๆ การ
แต่
งตั
วยั
งงงอยู
่ จนมาถึ
งอั
ลบั้
ม Blonde (2013)
ที่ทำ�กับ Smallroom จะปล่อยหมด สดใสไปเลย
แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นแบบนี้ไปตลอด เราพยายามจะ
บอกอยู
่
เสมอว่
าเราจะกลั
บไปกลั
บมา เพราะว่
า
ไม่ชอบยึดติดอยู
่กับอะไรเลย”
การเปลี่
ยนแปลงตั
วเองมี
ความสำ
�คั
ญและ
จำ
�เป็
นต่
อการใช้
ชี
วิ
ตขนาดไหน
“ถ้าเราไม่เปลี่ยนตัวเอง เราก็จะอยู
่อย่างนั้น
ไปเรื่
อยๆ เราจะไม่
มี
จิ
นตนาการ เราจะห่
อเหี่
ยว
เราจะตาย เราก็
ต้
องเปลี่
ยน เพื่
อสร้
างความ
ตื่
นเต้
นให้
กั
บตัวเองและคนรอบข้
าง เรื่องเสื้
อผ้
า
ที่
ใส่
มั
นเป็
นศิ
ลปะที่
ใกล้
ตั
วเรามากนะ เรา
สามารถนำ
�เสนอความรู
้
สึ
กส่
วนตั
วในแต่
ละวั
น
ออกไป รู
้
สึ
กว่
าตั
วเองเป็
น Happening Art
อย่างหนึ่ง แต่ไม่ถึงกับหลุดโลก”
คิ
ดเห็
นอย่
างไรกั
บการบั
งคั
บให้
ใส่
เครื่
องแบบ
“นั่
นเป็
นสาเหตุ
ที่
ทำ
�ให้
ไม่
เข้
ามหาวิ
ทยาลั
ยค่
ะ
(หั
วเราะ) ยู
นิ
ฟอร์
มเป็
นกฎเหล็
กที่
ทุ
กคนต้
อง
ทำ
�ตาม เป็
นการล้
างสมองทางอ้
อมว่
าเราต้
อง
อยู
่
ในกลุ่
มเดี
ยวกั
น เราต้
องทำ
�อะไรเหมื
อนกั
น
ต้
องมี
ระเบี
ยบวิ
นั
ย เข้
าใจว่
าใส่
ยู
นิ
ฟอร์
มทำ
�ให้
ดู
เรี
ยบร้
อยเท่
ากั
นหมด แต่
สุ
ดท้
ายเราจะมาตั
ดสิ
นคน
แค่ภายนอกไม่ได้ เราว่าทุกคนควรจะมีความคิด
ของตั
วเอง เราควรจะให้
เด็
กไทยได้
คิ
ดว่
าจะใส่
อะไรไปโรงเรี
ยน แล้
วมั
นเป็
นทางออกที่
ดี
เหมื
อน
กั
นเขาจะได้
ไม่
ต้
องไปหมกมุ่
นกั
บเรื่
องที่
ไม่
ดี
ถ้
าวั
นหนึ่
งเด็
กหั
นมาคิ
ดว่
าวั
นนี้
ฉั
นจะแต่
งตั
วอะไร