Read me 25 - page 5

พ.ศ.2400 ประกอบไปด้
วยพระที่
นั่
ง 11 แห่
ง โดยหนึ่
งในนั้
นมี
นามว่
า ‘พระที่
นั่
ประพาสพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
’ เป็
นที่
เก็
บสิ่
งของต่
างๆ ส�
ำหรั
บทอดพระเนตรส่
วนพระองค์
ขณะที่
ประชาชนทั่
วไปเรี
ยกพระที่
นั่
งแห่
งนี้
ว่
า ‘มู
เสี
ยมหลวง’
ต่
อมาในสมั
ยรั
ชกาลที่
5 พระบาทสมเด็
จพระจุ
ลจอมเกล้
าเจ้
าอยู
หั
ทรงใช้
ค�
ำว่
า ‘หอมิ
วเซี
ยม’ กั
บศาลาสหทั
ยสมาคมซึ่
งเป็
นสถานที่
จั
ดแสดงสิ่
งของ
ต่
างๆแก่
ประชาชนทั่
วไปได้
เข้
าชมในปี
พ.ศ.2417หลั
งจากนั้
นอี
ก13ปี
ทรงโปรด
เกล้
าฯให้
ย้
ายหอมิ
วเซี
ยมเดิ
มไปที่
พระราชวั
งบวรสถานมงคลแทนและเปลี่
ยนชื่
เรี
ยกเป็
น ‘โรงมู
เสี
ยม’ ขณะเดี
ยวกั
น ก็
ได้
มี
การจั
ดตั้
ง ‘กรมพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
’ ขึ้
นเป็
นชื่
ของหน่
วยงานราชการ แต่
ชื่
อที่
คนเรี
ยกติ
ดปากยั
งคงไม่
เปลี่
ยนแปลง
ในปี
พ.ศ.2437 ได้
เริ่
มปรากฎค�
ำว่
า ‘พิ
พิ
ธภั
ณฑ์
สถาน’ ขึ้
นในหนั
งสื
ราชกิ
จจานุ
เบกษา จึ
งสั
นนิ
ษฐานว่
าหลั
งช่
วง พ.ศ.2440 เป็
นต้
นมา ค�
ำว่
ามิ
วเซี
ยม
อาจถู
กเรี
ยกว่
าโรงมู
เสี
ยมหรื
อพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
สถานก็
ได้
และเมื่
อค�
ำว่
าพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
สถานถู
กเรี
ยกกั
นเป็
นการทั่
วไปมากขึ้
นเรื่
อยๆค�
ำค�
ำนี้
จึ
งถู
กย่
อให้
สั้
นลงเหลื
อเพี
ยง
‘พิ
พิ
ธภั
ณฑ์
’นั่
นเองต่
อมาในสมั
ยรั
ชกาลที่
7ค�
ำว่
ามิ
วเซี
ยมหอมู
เสี
ยมและโรงมู
เสี
ยม
มี
การใช้
กั
นน้
อยลง เหลื
อแต่
ค�
ำว่
าพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
สถานซึ่
งเป็
นค�
ำที่
ใช้
กั
นทั่
วไปในภาษา
ราชการ และค�
ำว่
าพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
ซึ่
งเป็
นภาษาพู
ปั
จจุ
บั
นค�
ำว่
า ‘พิ
พิ
ธภั
ณฑ์
สถาน’ ได้
เปลี่
ยนเป็
น ‘พิ
พิ
ธภั
ณฑสถาน’ และใช้
กั
บพิ
พิ
ธภั
ณฑสถานแห่
งชาติ
เท่
านั้
น ส่
วนค�
ำว่
าพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
ได้
กลายมาเป็
นค�
ำที่
ใช้
กั
นโดยทั่
วไปที่
สุ
ดทั้
งภาษาราชการภาษาเขี
ยนและภาษาพู
ด โดยค�
ำว่
าพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
นั้
นเป็
นการสมาสกั
นของภาษาบาลี
ระหว่
างค�
ำว่
า ‘วิ
วิ
ธ’หรื
อ ‘พิ
พิ
ธ’ที่
แปลว่
านานา
ชนิ
ดกั
บ ‘ภณฺ
ฑ’ หรื
อ ‘ภั
ณฑ์
’ ที่
แปลว่
าสิ่
งของ รวมกั
นเป็
นสิ่
งของนานาชนิ
ดซึ่
งค�
ที่
เหมาะสมต้
องเติ
มค�
ำว่
า ‘สถาน’ ไปด้
วยค�
ำนี้
จึ
งจะหมายถึ
งสถานที่
อย่
างไรก็
ตาม
พจนานุ
กรมฉบั
บราชบั
ณฑิ
ตยสถานพ.ศ.2542 ได้
ให้
ความหมายของ ‘พิ
พิ
ธภั
ณฑ์
ไว้
เหมื
อนกั
บ ‘พิ
พิ
ธภั
ณฑสถาน’ ว่
า ‘สถานที่
เก็
บรวบรวม และแสดงสิ่
งต่
างๆ ที่
มี
ความส�
ำคั
ญด้
านวั
ฒนธรรมหรื
อด้
านวิ
ทยาศาสตร์
โดยมี
ความมุ
งหมายเพื่
อให้
เป็
ประโยชน์
ต่
อการศึ
กษาเล่
าเรี
ยนและก่
อให้
เกิ
ดความเพลิ
ดเพลิ
นใจ’
***ขอบคุ
ณข้
อมู
ลจากศู
นย์
มานุ
ษยวิ
ทยาสิ
ริ
นธร (องค์
การมหาชน)***
ที่
ตั้
เมื
องปารี
ส ประเทศฝรั่
งเศส
เวลาทำ�การ
วั
นจั
นทร์
, พฤหั
สบดี
, เสาร์
และอาทิ
ตย์
เปิ
ดตั้
งแต่
09.00-18.00 น.
วั
นพุ
ธและศุ
กร์
เปิ
ดตั้
งแต่
09.00-21.45 น. ปิ
ดวั
นอั
งคาร
ค่
าเข้
าชม
8.5 ยู
โร
พิ
พิ
ธภั
ณฑ์
ต่
างประเทศ
เป็
นพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
ศิ
ลปะขนาดใหญ่
ที่
สุ
ในปารี
ส โดยที่
มี
พื้
นที่
ทั้
งหมด 15 เอเคอร์
หรื
อประมาณ 8 สนามฟุ
ตบอล
‘ลู
ฟ’
เป็
พิ
พิ
ธภั
ณฑ์
ศิ
ลปะที่
มี
ผู
เข้
าชมมากที่
สุ
ดใน
โลก โดยมี
จ�
ำนวนผู้
เข้
าชมมากถึ
ง 9,720,260
คนต่
อปี
(The Art Newspaper, April,
2013) โดยประวั
ติ
ของลู
ฟนั้
นมี
เนิ่
นนาน
ตั้
งแต่
สมั
ยศตวรรษที่
12 ถู
กสร้
างขึ้
นเพื่
อเป็
ป้
อมปราการในสมั
ยของพระเจ้
าฟิ
ลิ
ปที่
2
จนกระทั่
งปี
ค.ศ.1682 พระเจ้
าหลุ
ยส์
ที่
14
ได้
เปลี่
ยนลู
ฟให้
เป็
นที่
แสดงผลงานศิ
ลปะของ
ราชวงศ์
จนมาเป็
นพิ
พิ
ธภั
ณฑ์
ศิ
ลปะในปั
จจุ
บั
โดยจั
ดแสดงสิ่
งของมากกว่
า380,000ชิ้
นและ
ผลงานศิ
ลปะกว่
า35,000ชิ้
นซึ่
งหนึ่
งในนั้
นคื
ภาพ
‘MonaLisa’
อั
นเลื่
องชื่
อนั่
นเอง
Musée du
Louvre
1,2,3,4 6,7,8,9,10,11,12,13,14,15,...56
Powered by FlippingBook