| January-February 2012
49
“คุ
ณไม่
มี
สิ
ทธิ์
มาตั
ดสิ
นผมจากจุ
ดที่
คุ
ณยื
นอยู่
...คุ
ณไม่
เคยมอง
เห็
นหลั
งตั
วเองและคุ
ณก็
มองไม่
เห็
นผมด้
วยซํ้
า...คุ
ณอาจจะลื
ม
ไปแล้
วว่
ารอยเท้
าของตั
วเองเป็
นยั
งไง” ผมกระแทกเสี
ยงสั่
นตาม
อารมณ์
เว้
นแต่
ประโยคสุ
ดท้
ายที่
ผมพู
ดกั
บตั
วเอง
ตอนนี้
คนบนสะพานนั
บไม่
ถ้
วน หลากหน้
ามากตากลายเป็
น
เงาวู
บไหวลางเลื
อน เว้
นก็
แต่
เขา ถึ
งแม้
จะไม่
แจ่
มชั
ดเหมื
อน
แต่
ก่
อน
“นายกำ
�ลั
งมองหาอะไร” ผมรู้
ว่
านั่
นคื
อเสี
ยงของเขา
“...คุ
ณหมายถึ
งอะไร ผมไม่
เข้
าใจ” ผมแสร้
งตอบ
“รู้
ไว้
ด้
วย...ว่
าฉั
นเดิ
นมาก่
อนนาย มองเห็
นผู้
คนบนสะพานนี้
มาก่
อน ทุ
กคนถอยกลั
บไปไม่
ได้
และถ้
านายเกิ
ดพลาดตก
ลงไป นายจะไม่
ได้
กลั
บมาอี
ก เข้
าใจใช่
มั้
ย?” ท้
ายประโยคเหมื
อน
เขาจะถาม
“แล้
วถ้
าผมตั้
งใจที่
จะพลาด...” ผมเลิ
กคิ้
วตะโกนถาม ทั้
งที่
รู้
ว่
าเขาไม่
เห็
น
“ฉั
นรู้
ว่
านายจะไม่
ทำ
�อย่
างนั้
น” นํ้
าเสี
ยงเขาไม่
บอกอารมณ์
“ครั้
งนี้
คุ
ณอาจจะรู้
มาผิ
ด!”
“เท้
าคู่
นั้
นมั
นเป็
นของนาย แต่
ฉั
นฝึ
กให้
มั
นเดิ
น จำ
�เอาไว้
!” เขา
กำ
�ลั
งโกรธ ผมยิ้
มสะใจ แต่
ลึ
กลงไปผมไม่
สนุ
ก ผมถอนหายใจ
ยาวและก้
าวเดิ
นต่
อไปโดยไม่
ได้
สนใจทุ
กสิ่
ง
เสี
ยงจากอี
กฝั่
งของสะพาน ถึ
งจะไม่
เห็
นหน้
าแต่
ผมมั่
นใจว่
า
เป็
นเขา แม้
การพู
ดครั้
งนี้
จะเบาจนแทบไม่
ได้
ยิ
น
“จำ
�ได้
มั้
ย...นายต้
องคลานก่
อนแล้
วค่
อยเดิ
น คนที่
อยู่
ข้
างหน้
า
ฉั
นเขาบอกมาว่
า พอใกล้
ถึ
งปลายสะพานเราจะได้
คลานอี
กครั้
ง...
นายว่
ามั
นตลกมั้
ย?” เขาเคยพรํ่
าทำ
�นองนี้
มานั
บครั้
งไม่
ได้
และผมก็
ไม่
ตลกด้
วย
ผมพยายามถามตั
วเองเสมอว่
า เราเดิ
นไปเพื่
ออะไร? ระหว่
าง
คำ
�ถาม ผมเดิ
นผิ
ด เดิ
นถู
ก พบความสุ
ข หั
วเราะ หกล้
ม
และเสี
ยนํ้
าตา
“คุ
ณเองก็
เคยล้
ม” ผมตะโกนออกไป เมื่
อเสี
ยงหั
วเราะเยาะ
ดั
งมาจากอี
กฝั่
ง
“เพราะฉั
นไม่
อยากให้
นายล้
มเหมื
อนฉั
น” นํ้
าเสี
ยงเขาจริ
งจั
ง
เกิ
นความจำ
�เป็
น
“เวลากำ
�หนดทุ
กอย่
างไว้
แล้
ว จะเร็
วหรื
อช้
า สุ
ดทางปลาย
สะพานก็
อยู่
ที่
เดิ
ม”
“นายก็
รู้
นี่
แล้
วนายจะดิ้
นรนหาวิ
ธี
เดิ
นที่
แตกต่
างไปทำ
�ไม!?”
เหมื
อนจะถามแต่
เขาไม่
ต้
องการคำ
�ตอบ
ผมบอกตั
วเองว่
าผม ‘เข้
าใจ’ เขา ทั้
งที่
คำ
�ตอบ คื
อ ‘ไม่
’
ยิ่
งนานวั
นเราเหมื
อนเดิ
นห่
างกั
นไปเรื่
อย ทั้
งที่
ระยะห่
างนั้
น
ยั
งเท่
าเดิ
ม หรื
อว่
าจุ
ดกึ่
งกลางสะพานจะสร้
างเส้
นบางๆ ลวงเรา
ให้
เข้
าใจผิ
ด
“ผมเบื่
อที่
จะเดิ
นในทิ
ศเดิ
มๆ และก็
เบื่
อที่
ฟั
งคุ
ณด้
วย”
ผมพู
ดด้
วยอารมณ์
“นั่
นมั
นเรื่
องของนาย ฉั
นถู
กกำ
�หนดให้
มี
หน้
าที่
พู
ด ไม่
ใช่
ว่
า
ฉั
นไม่
อยากเห็
นนายมี
รอยเท้
าเป็
นของตั
วเอง แต่
การเดิ
นแบบ
ที่
นายทำ
�อยู่
มั
นเสี่
ยงเกิ
นไปและนายจะเจ็
บเปล่
าๆ” เขาพยายาม
อธิ
บายเหตุ
ผล แต่
ผมไม่
อยากเข้
าใจ
“อ้
อ! อี
กอย่
าง ถ้
าถึ
งวั
นที่
ฉั
นเดิ
นลงไปจนสุ
ดปลายสะพาน
นายก็
ไม่
ต้
องทนฟั
งฉั
นอี
ก” ความน้
อยใจหลบไม่
มิ
ดในนํ้
าเสี
ยงนั้
น
“อย่
างน้
อยผมจะรู้
เองว่
าความเจ็
บเป็
นยั
งไง!...โอ้
ย!!” ผมไม่
ได้
ล้
ม แต่
เลื
อดกำ
�ลั
งไหลมาตามขมั
บ ผมก้
มมองก้
อนหิ
นที่
พื้
น
และพยายามมองไปที่
เขา เขาตั้
งใจเขวี้
ยงก้
อนหิ
นนั่
นใส่
ผม!
“นายเจ็
บมั้
ย! ...” เขาเค้
นถามและไม่
เปิ
ดโอกาสให้
ผมตอบ
“...แต่
รู้
เอาไว้
ว่
าฉั
นเจ็
บกว่
า!”
ผมกำ
�ลั
งเดิ
นขึ้
นสะพาน เขากำ
�ลั
งเดิ
นลงสะพาน เราเดิ
นไป
พร้
อมกั
นจากคนละฝั่
งจากคนละที่
เวลาเปลี่
ยนทุ
กสิ่
งเปลี่
ยน
บนสะพานบางคนมี
รอยยิ้
ม บางคนมี
นํ้
าตา บ้
างล้
ม บ้
างลุ
ก
และบ้
างเลื
อกที่
จะ ‘หยุ
ด’ ไม่
ใช่
ทุ
กคนที่
ขึ้
นสะพานมาแล้
วจะได้
ไปถึ
งจุ
ดหมาย ที่
แห่
งนั้
นจะเลวร้
ายหรื
องดงาม ผมไม่
รู้
เขาเองก็
ไม่
รู้
จะมี
ก็
แต่
คำ
�บอกเล่
าจากผู้
ที่
เดิ
นไปก่
อนเท่
านั้
น
“นายเห็
นผู้
ชายคนที่
อยู่
เยื้
องขวามื
อนายไปสิ
บก้
าวมั้
ย?”
เขาผู้
เดิ
มตะโกนมาด้
วยเสี
ยงเหนื่
อยหอบ ผมมองหาคนที่
เขาว่
า
และเหมื
อนว่
าผมจะเห็
นคนผู้
นั้
นแล้
ว
“คนนั้
นแหละ นายเห็
นเท้
าเขามั้
ย? ...ก่
อนหน้
านี้
เขาไม่
มี
คน
คอยฝึ
กให้
คลานให้
เดิ
นเหมื
อนนาย เขาถึ
งได้
เหลื
อแค่
‘ขาข้
างเดี
ยว’...นายคิ
ดเอาเองแล้
วกั
น” เขาทิ้
งประโยคสุ
ดท้
าย
และหั
วเราะลั่
นด้
วยความรู้
สึ
กที่
เดาได้
ยาก
“คุ
ณไม่
เคยเข้
าใจผมเลย” ผมตะโกนออกไปจนสุ
ดเสี
ยง
ขณะที่
ตายั
งมองชายผู้
นั้
น ที่
ใบหน้
าของชายพิ
การมี
รอยยิ้
ม
และคราบนํ้
าตาเปรอะเปื้
อนอยู่
“ทำ
�ไมคุ
ณไม่
มองผม จากจุ
ดที่
ผมยื
นอยู่
บ้
าง ...คุ
ณไม่
เคย
เข้
าใจผมเลย” ครั้
งนี้
เป็
นผมที่
เสี
ยนํ้
าตาและเท้
าคู่
นั้
นกำ
�ลั
งหมด
แรง
“วั
นไหนที่
นายเดิ
นมาถึ
งจุ
ดที่
ฉั
นเคยเดิ
น วั
นนั้
นนายจะเข้
าใจ
ทุ
กอย่
างเอง”