Read me 10 - page 26

| Read Me 10 26
เด็กไทยเรียนพิเศษยกกำ �ลังสอง
อ.พิสิ ฏฐ์ เล่ าให้ ฟั งว่าการเรี ยนกวดวิ ชาสมัยก่ อน
กับปัจจุบันแตกต่างกันค่อนข้างมาก ในยุคแรก กวดวิชานั้น
มีค่อนข้างน้ อย เด็กจะเรียนจบจากที่โรงเรียนมาหมดก่อน
แล้วจึงมาเรียนกวดวิชา เพื่อเน้นเรื่องที่จะนำ�ไปใช้ สอบเข้า
มหาวิทยาลัยเท่านั้น ฉะนั้ นเด็กจะเรียนพิเศษกันเฉพาะ
ชั้นปีสุดท้ าย ต่างจากเด็กสมั ยนี้ที่ ต้องเรี ยนกันทุกชั้นปี
และเนื้อหาที่เรี ยนก็ละเอียดยิ่งขึ้น ซึ่งอาจเป็นเพราะในยุ ค
หลังๆ มีการใช้ ‘เกรด’ เป็ นส่วนหนึ่งของการสอบเข้ า
เมื่ อเด็กเรียนเพื่อเพิ่ มคะแนนด้วย อ.โจ้ จึงเสนอว่า
“เราควรสอนในสิ่งที่เขาอยากรู้ ให้ตรงกั บวัตถุประสงค์ที่เขา
อยากได้” เรียกว่าเป็นการเรี ยนแบบ Learning By Objec-
tive ซึ่งทำ�ให้ เด็ กรู้สึกว่ าได้ความรู้ที่ กระชับและตรงจุด
แต่ปัจจุบันการเรียนกวดวิชามีหลากหลายวัตถุประสงค์มาก
ยิ่งขึ้น ที่แปลกใหม่ไปกว่ านั้นก็คือ การติวเพื่อสอบแข่ งขัน
โอลิ มปิกวิ ชาการ อ.ซุป อธิ บายว่าสำ �หรั บเด็กเหล่านี้
เขารั กคณิตศาสตร์ มาก อยู่ กั บโจทย์ เลขได้ ตลอด
เหมือนตนเองซึ่ งเคยเป็นเด็กโอลิ มปิกและกลับมาติวให้
น้องๆ ที่ โรงเรียนด้วยเช่ นกัน นอกจากพวกเขาต้องการ
เสริ มความรู้จากในห้องเรี ยนแล้ว เด็กเหล่านี้ยั งต้องการ
เทคนิคและวิธีการคิดเร็วจากผู้ที่มีประสบการณ์การแข่งขัน
มาก่อน เพื่อถอดรากวิธีการเรียนการสอน
ในสมัยที่ อ.พิสิฏฐ์ เรียนหนังสือนั้น นอกจากโรงเรียน
กวดวิ ชามีน้ อย แบบเรียนก็ไม่ ค่อยมีด้วย สื่ อการเรียน
การสอนค่ อนข้างน้ อยถ้าเทียบกั บเด็ กสมั ยนี้จึ งต้ องหา
แบบเรียนคณิตศาสตร์เป็นภาษาอั งกฤษมาแปล และคิด
โจทย์เอง ซึ่งมีทั้ง อินเทอร์เน็ต วิดีโอ ดีวีดี ที่ช่วยทำ �ให้เลื อก
เวลาและสถานที่เรี ยนเมื่อไร ที่ใดก็ได้
ตรงนี้เองทำ�ให้ อ.โจ้ เห็นด้วยว่าเมื่อระบบวิธีการเรียน
การสอนเปลี่ยนไป ย่อมทำ�ให้ตัวคนเปลี่ยนตามไปเช่ นกัน
อาจารย์คิดว่าคนรุ่นก่อนๆ ต้องช่วยเหลื อตัวเองและค้นคว้า
มาก พอเรี ยนจบมาคนในยุคนั้ นจึงรั บผิดชอบงานของ
ตัวเองได้ ดี แต่การเรี ยนของเด็กในรุ่ นหลังๆ ใช้ วิธีการอั ด
ใส่สมองแล้วไปสอบ เมื่อจบมาถ้าไม่มีคนป้ อนงานให้ก็จะ
ลงมือทำ�ด้วยตนเองไม่ได้ นั่นเพราะความคิดของเด็กยุคนี้
มีความเป็น ‘ระบบ’ น้ อยลง
เมื่อสื่อการเรี ยนการสอนนั้นมีมากขึ้น อ.ซุปเริ่ มใช้
เทคนิคใหม่ ๆ ที่เรี ยกว่า ‘Edutainment’ ซึ่งมาจากคำ�ว่า
Education (การศึกษา) รวมกับ Entertainment (ความ
บันเทิง) เช่ น สอนคณิตศาสตร์ด้วยเพลง (Math Melody)
แต่ ถึงอย่ างนั้น ก่อนจะสอนร้องเพลง อ.ซุ ป จะสอนที่มา
ที่ไปของสูตรพิสูจน์ให้เด็กเข้ าใจก่อน ซึ่งนั กเรียนในชั้นต่าง
ชื่นชอบวิธี การเรียนแบบนี้ นอกจากจะไม่ เครียดแล้ วยัง
ทำ�ให้สามารถช่ วยจำ�เนื้อหาที่เรียนได้อย่างแม่นยำ� อีกทั้ง
ห้องเรียนยังตกแต่งด้ วยสีสันที่สวยงาม ซึ่งทำ �ให้บรรยากาศ
ดูสดชื่นขึ้นในเวลาเรียน
นอกจากนี้ อ.ซุป ไม่ได้สอนเฉพาะเนื้อหาคณิตศาสตร์
เพียงอย่ างเดียว แต่ยังแทรกเรื่องธรรมะไปด้วย เป็นการสอน
ให้เด็กเรียนรู้การใช้ ชีวิต ซึ่ง อ.ซุป ได้ทำ�หนังสือการ์ตูนเรื่อง
‘ความลับของ…’ ให้วัยรุ่นหันมาสนใจธรรมะ ดังนั้นนักเรียน
จึ งได้ทั้ งความรู้ ความบันเทิง และสาระการใช้ชีวิตไป
พร้อมๆ กัน
อ.ทนงศักดิ์ อัศวชัยวิ กรม
อ.ศุภฤกษ์ สกุ ลชัยพรเลิ ศ
อ.พิสิฏฐ์ วัฒนผดุงศักดิ์
“ถ้าวั นใดที่เราคัดแม่พิ มพ์เป็นหัวกะทิ ได้
เด็กจะออกมามีคุณภาพ
วันนั้นประเทศไทยถึ งเจริญ”