• 1. เปลือก เช่น เปลือกอบเชย
• 2. ดอก เป็นแหล่งกลิ่นหอมแหล่งใหญ่ที่สุด เช่น กุหลาบ มะลิ mimosa narcissus geranium ylang ylang และส้ม เป็นต้น และ กล้วยไม้ Miss Odorn Sunshine แต่โดยทั่วไปไม่นิยมใช้กล้วยไม้ทำน้ำหอม

  ชื่อดอกไม้ที่ปรากฏบนฉลากน้ำหอมชนิด Single Floral มีจำนวนมาก เช่น Azurer, Buttercub, Daria , Gardenia , Heliotrope, Heliotrope Blanc , Iris, Jasmin , Lilly of the Valley, Lilac Blanc , Lilac Sweet , Mistletoe , Muguet, Narcisse , Orcidia , Californian Poppy , Rose , Arcacia Rose , Wild Rose , White Rose, Shamrock , Violet , Violetta , White Violet , Violettes de Parme, Ylang Ylang

  

  Gadenia

  

  Rose
• 3. ผล เช่น แอบเปิ้ล สตรอเบอรี ส้ม และมะนาว
• 4. ใบ เช่น ลาเวนเดอร์ ไวโอเล็ต โรสแมรี และใบส้ม
• 5. ยาง เช่น ยางสน
• 6. รากและหัวใต้ดิน เช่น ไอริส และต้นไม้ตระกูลขิง
• 7. เมล็ด เช่น เมล็ดแครอท ลูกผักชี โกโก้ ลูกจันทน์ และกระวาน
• 8. ไม้ เช่น ไม้จันทน์ rosewood agarwood birch cedar และสน

• 1.ไข จากลำไส้ปลาวาฬ
• 2. Castoreum ได้จากตัวบีเวอร์ของอเมริกาเหนือ
• 3. ชะมดเช็ด
• 4. รวงผึ้ง
• 5. Civet หรือ Civet Musk ได้จากกระเพาะของตัว civet
• 6. Hyraceum เป็นอุจจาระที่กลายเป็นหินของตัว Rock Hyrax
• 7. รวงผึ้ง และขี้ผึ้ง
• 8. Musk ได้จากต่อมกลิ่นของ กวาง Asian Musk ตัวผู้ ปัจจุบันใช้สารสงเคราะห์แทน เรียกว่า “white musk”

• 1. Lichen รวมทั้งมอสบนต้นโอ๊ก และต้น thalli
• 2. สาหร่ายทะเล

รวงผึ้ง

Hyraceum

Civet

น้ำหอมปัจจุบันส่วนใหญ่ประกอบด้วยสารสังเคราะห์ทางเคมี สารสังเคราะห์เหล่านี้สามารถให้กลิ่นที่ไม่พบในธรรมชาติ เช่น Calone มีกลิ่น โอโซนของทะเล สารสังเคราะห์มักใช้แทนสารที่หาได้ยากจากธรรมชาติ เช่นกลิ่นกล้วยไม้ เป็นต้น