Read me 13 - page 25

| July-August 2012 25
องหนังสือของเราที่ นอนคลุกฝุ่นอยู่ในตู้
ร่ างถู กปลวกแมลงแทะจนมี สภาพ
ฉีกขาดรุ่งริ่งอยู่ในวันนี้ พวกเขาคงอยาก
ได้รับการดูแลรักษาไม่ ต่างจากเสื้อผ้าตัวโปรดที่ เรา
เพียรซ่อม เพียงแต่ ‘คนซ่อมหนั งสือ’ นั้น มีไม่มาก
เหมื อนคนซ่อมแซมเสื้อผ้าทั่วไป
นี่ เองจึ ง เป็ นจุ ดเ ริ่ มต้ นของ คุ ณภั ทรพล
ฉัตรชลาวิไล หรือพี่กุ๊ก เจ้าของร้าน Book Clinic ผู้ที่
ชุ บชีวิ ตให้หนังสือด้วยการหมั่ นขัดรอยกาวออกจาก
สันปก ตัดขอบหนังสือจนเรียบกริบ แล้วเย็บตัวเล่ม
เข้ ากับปกเอาไว้ด้วยกันอย่างแน่นหนา จนหนังสือ
ที่ เคยป่วยกลับมีสภาพฟื้นคืนดังเดิมอีกครั้ง พี่กุ๊กเล่า
ถึงอดีตว่า เขาเคยทำ�อาชีพถ่ ายเอกสารแบบแปลน
พิมพ์เขียวมาก่ อน จนกระทั่งเกิ ดวิกฤตปี 40 ขึ้น ทำ�ให้
จำ�ต้องผันตัวเองมาเป็นช่างซ่อมหนังสือ ตอนเริ่ม
ตั้งต้น มีอุปกรณ์เพียงไม่กี่ชิ้ น คือ สว่านมือ ค้อน และ
เชือกด้ ายเท่านั้น การเย็บก็เป็นรูปแบบง่ายๆ อาศั ย
เดินเข้าร้ านหนังสือบ่อยๆ สั งเกตวิธีการเย็บเข้าเล่ ม
แบบต่ างๆ คอยฝึ กปรือฝี มื อก็ อยู่ หลายเดือน
โดยไม่มั่นใจเลยว่า คนซ่อมหนังสือ จะทำ�เป็นอาชีพได้
หรือไม่ และช่วยต่ อทางเดินชีวิตของตนได้หรื อเปล่า
“ช่วงแรกๆ ก็ท้อนะ แต่การเริ่ มทำ�อาชี พ ถ้าเราคิด
จะบุกเบิ กอะไรก็ตาม เมื่อเห็นเป็นโอกาสก็ต้องลอง
พิสูจน์ไปสักหกเดือน ถ้าผ่ านหกเดือนนี้ไปได้ แสดงว่า
มั นก็ พออยู่ได้ และทุ กครั้งที่ เราเปลี่ ยนสิ นค้ า
เปลี่ยนวิธีการ มันก็เหมื อนการเริ่มต้นใหม่ทุกครั้ ง”
พี่กุ๊ กเริ่ มมั่นใจในทางเดิ นของตัวเองมากขึ้ น
ในวั นที่มี ชาวอังกฤษคนหนึ่ งติ ดต่อขอให้ เขาซ่อม
หนังสื อให้ หนังสื อเล่ มนั้นเคยผ่านการซ่ อมแซม
มาแล้วจากคนอังกฤษด้วยกัน มันถูกซ่อมไว้อย่าง
ประณี ตเรี ยบร้อย ทั้ งยั งมีราคาค่าซ่อมถึ ง 600
ปอนด์เลยที เดียว นั้นจึงทำ�ให้ เขาสนใจในอาชี พนี้
อย่างจริงจัง และเห็นมุ มมองของคนต่ างประเทศ
ที่ ให้ความสำ �คัญต่ออาชีพนี้ และความตั้งใจของคน
ต่างชาติที่ เขาอนุรักษ์ หนังสือกันจริ งๆ
ตลอดเวลา 13 ปีที่ ทำ�งาน หนังสือเกือบ 10,000
เล่ม ที่เขาซ่อมทำ�ให้เกิ ดการเรียนรู้ และค้นหาวิธีการ
ซ่อมหนังสือในแบบต่างๆ ซึ่งวิธีในการซ่อมหนังสือ
นั้นมี หลายแบบ แต่ที่มักเห็นโดยทั่วไป ได้แก่ การอัด
ด้วยกาว เย็ บด้วยลวดเย็บกระดาษ ร้อยด้วยเชือก
หรือแม้แต่การเย็บแบบยกกี่ บางชิ้นขอบหนังสือ
จะตรง บางชิ้นขอบก็โค้ งเว้า ซึ่งรูปแบบการเย็ บ
บางอย่าง ยั งสามารถสะท้ อนถึงเอกลั กษณ์ ใน
การประกอบหนังสือของแต่ ละชนชาติได้ ด้วย เช่ น
การเย็บแบบญี่ปุ่น (Japanese Style) ที่รอยเชือกจะ
มัดอยู่ด้านนอกเป็นต้น ส่วนราคาค่าซ่อมของหนังสือ
นั้น ก็มีตั้งแต่ 80 - 2,000 บาท ซึ่ งขึ้นอยู่กับลู กค้า
ว่าต้ องการให้ซ่อมเพื่ออะไร ถ้ าซ่อมให้กลับมาอ่านได้
รูปเล่ มคงทน ก็จะราคาหนึ่ง แต่ถ้าซ่อมเพื่อพยายาม
รักษารูปแบบเดิมให้กลับคื นมามากที่สุด ก็จะมีราคา
ที่สูงขึ้น
ขณะพูดคุ ยกัน พี่ กุ๊ กเอื้อมมื อไปหยิบกล่ อง
หนังสือชุดสีแดง เล่าที่มาของหนังสือ ว่าเป็นหนังสือ
ที่ค่าซ่อมแพงมากที่สุดกล่องหนึ่ง ราคาอยู่ที่ 3,500
บาท ลูกค้าเป็ นทันตแพทย์ นำ�หนังสือมาให้ซ่อม
เพราะหนังสือเล่มนี้ ทำ�ให้ พ่อของเขาตั้ งตัวมีชีวิตที่ ดี
ขึ้นมาได้ พ่อจึ งอยากจะคืนหนังสือเล่มนี้ ให้กับพระ
ที่ให้มา โดยไม่เกี่ยงราคาค่าซ่อม พร้อมกับสำ �เนา
เอกสารอีกชุดหนึ่ง เพื่อใช้ทำ �หนังสือขึ้นใหม่ให้เหมือน
ต้นฉบับ เก็บเอาไว้เป็นเครื่ องเตื อนใจ “เราคิดว่า
คนที่เขารักหนังสือ เขายังอยากให้เรามีอาชีพนี้ต่อไป
ในช่วงชีวิตที่เราขาดทุนช่วงหนึ่ง มี ลูกค้ าที่รักหนังสือ
มากๆ เขาพยายามหาหนังสือมาให้เราซ่อม อยากให้
ทำ�งานต่อไป มี ลูกค้าคอยให้กำ�ลังใจ ช่วยติ ชมฝีมื อ
จนเราพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น ตอนที่
เราทำ�หนังสือแต่ ละเล่มเสร็จแรกๆ เราก็จะคิดว่ า
แหม… มันก็สวยดีนะ” เขาหัวเราะ พร้อมถือหนังสือ
ยืดมื อไปสุดแขน ใบหน้ าชื่นชมผลงานด้ วยรอยยิ้ม
กว้าง สำ�หรับคนที่ คิดจะเริ่มต้ นทำ�อาชีพนี้ พี่กุ๊ก
ได้ฝากข้อคิดดี ๆ ไว้ว่า “ต้องเริ่มจากมีความสนใจจริงๆ
รักในงานฝี มือ และหมั่นฝึกฝนบ่อยๆ นานๆ เข้าก็จะ
ทำ�ให้เราเกิ ดทักษะ และที่ สำ�คั ญคือ มี ความสุขกับ
การซ่อมหนั งสือ”
การมาเยือนของหนั งสือที่ Book Clinic แต่ละเล่ม
มีมากกว่ าหนึ่งเหตุ ผล ทั้ งมาจากคนสำ�คัญให้มา
เป็นหนั งสื อเล่มโปรดที่ หยิ บอ่ านอย่ างไม่รู้ เบื่ อ
เป็นตำ �ราวิชาการที่ สำ�คัญ หรือเป็ นหนังสือเก่าแก่
แต่ไม่ ว่าด้วยเหตุ ผลใดก็ตาม สำ�หรับคนรักหนั งสือ
แล้ว อย่าทอดทิ้ งหนั งสื อให้นอนคลุกฝุ่ นอยู่ ในตู้
หรือปล่อยให้ถูกปลวกแมลงแทะ สภาพฉีกขาดรุ่งริ่ง
อยู่เลย พาพวกเขามารั กษาให้ มี สภาพดีดั งเดิม
เหมือนตอนที่เราเจอกันครั้งแรกเถอะนะ
www.facebook.com/bookclinic