Read me 32 - page 7

อาจต้องรอดู ว่าคนในยุ คต่อไปจะมองยังไง หนั งสื อเป็ นส่วนหนึ่ งของเทคโนโลยี
มีวิวัฒนาการของมัน เพียงแต่การค้ นพบกระดาษ การเข้าเล่ม การท�ำให้พกพาไปอ่านได้ทุกที่
มันตอบโจทย์ เรายุคนี้ และอีกร้ อยปีข้างหน้าไม่ รู้ว่าจะยังได้ไหม ก็ต้องรอดูกันต่อไป ตอนก่อตั้ ง
บุ๊กโมบี้ เรามองว่าโลกการอ่ านการเขียนเปลี่ยนไป เป็นสมมติฐานมากกว่า เพราะตอนนี้เราว่า
สงครามของ E-book พ่ายแพ้ ให้สื่อสิ่งพิมพ์ไปโดยสิ้นเชิ งในหลายๆ สมรภูมิ อย่างน้ อยในสมรภูมิ
โลกวรรณกรรมซี เรียส คนส่วนใหญ่เขายังซื้อมือถือแพงๆ ได้ โลกของวรรณกรรมที่คนนิยมอ่าน
เป็นเล่ มๆ ก็ยังซื้อได้ อัตราส่วนที่ลดลงมาแค่นิตยสารเท่านั้ นเอง แต่กับส�ำนักพิมพ์เล็ กๆ สะท้อน
ชัดเจนว่าคนยังสนใจหนังสือที่เป็นเล่มอยู่ดี ดี ไม่ดี E-book อาจช่วยเสริมกันมากกว่า เป็ นบริการ
เสริ มเช่นซื้อหนังสือแล้ วได้ไฟล์ PDF ไปอ่านด้วย
คงเป็นเรื่องระบบสัดส่วนของนิตยสารที่ลดจ�ำนวนลงกับทิศทางการซื้อสื่อโฆษณาที่เปลี่ยนไป
ปั จจุบันออนไลน์มีเดียตอบโจทย์ได้ดีกว่า แบรนด์ต่างๆ หั นไปใช้โซเชียลมี เดียแทน แต่โลก
วรรณกรรมเราต้องการผู้ อ่านนิ่ งๆ เพียงหมื่นหรือพัน ซึ่งอาจจะมากไปด้วยซ�้ำ เป้าหมายในการ
วิ่งเข้าหาผู้อ่านเหล่านั้นเลยแตกต่างจากพวกนิตยสารที่ต้องการปะทะสายตาคนเยอะ อะไรที่
เมื่อก่อนถูกบังด้วยสื่อใหญ่ และกระแสการโหมโฆษณาก็ลดลง สื่อสิ่งพิมพ์เล็กๆ จึงปรากฏชั ดขึ้น
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะโซเชียลที่ ท�ำให้นักเขียนมีปฏิ สัมพันธ์ กับคนได้ มี คนอ่านที่ชัดเจน
ว่าติดตามเขาและคอยอ่ านงานเขา และโซเชียลจริงๆ แล้ วไม่มีเพดานว่าจะต้องเขียนระดับไหน
ถ้ามีคนเขียนก็มีคนอ่าน หรือจะเปลี่ ยนเป็นนวนิยาย ก็ไม่มีเพดาน เปลี่ยนการติดต่อจากรูปแบบ
เดิมที่นักเขียนต้องไปถวายตัวให้ส�ำนักพิมพ์ ไม่แปลกนะ เพราะโซเชียลท�ำให้นักเขียนติดต่อผู้อ่าน
ง่ ายขึ้น เราอาจจะลืมพวกเขียนอย่างเดี ยวไป พวกผลิตคอนเทนต์ในเฟซบุ๊ ก ซึ่งก็เป็นนักเขียน
แบบหนึ่ งเหมือนกัน เพียงแต่อาจไม่ได้อยู่ในแท่นของนักเขียนแบบคลาสสิก
ตอนนี้เรียกได้ว่าคนที่ อ่าน ดู ฟัง กลายเป็นสินค้าไปแล้ว ยอดวิวกลายเป็นเครื่ องมือที่
มีอ� ำนาจต่อรอง เหมือนธุ รกิจสื่อ เราก็ต้องพูดว่ ามันเปลี่ยนไปอย่ างสิ้นเชิง แม้แต่วิดีโอยังต้องมี
โฆษณาก่อนดู สื่อทีวีจะยังมีพลังดึงดูดคนไหม เพราะคนดูผ่านยูทูบได้ ท�ำให้ความเป็นสื่อชนิดเดิม
ต้องเปลี่ ยน ส่วนบางอย่ างที่ยังอยู่ของมันได้ก็ต้องดูว่าเพราะอะไร เหมือนแผ่นเสียงที่เป็นของ
สะสมหรื อมีคุณค่าทางใจ สิ่งเหล่านี้ เราก็ยังไม่มีค�ำตอบ อย่ างหนังสือก็ ต้องย้อนไปถามคนยุค
ปัจจุบันด้วยซ�้ำว่าท�ำไมยังอ่านอยู่
หรือโลกอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีอาจไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ในการท�ำลายหนังสือมากนัก
จากที่อยู่ ในแวดวงของสื่อสิ่งพิมพ์มานาน พอเห็นปัญหาที่เกิดหรือทิศทางการเปลี่ยนไปของมันไหม
ในยุคที่คอนเทนต์เกลื่อนกลาดแบบนี้ ยังพอมีสิทธ์ที่นักเขียนหน้าใหม่จะแจ้งเกิดได้อยู่หรือเปล่า
สะท้อนว่าเรามาถึงยุคที่คอนเทนต์เป็นเรื่องของการแจกฟรีไปแล้ว
7