Read me 7 - page 5
อี
กอาการหนึ
่
งที
่
แสดงให้
เห็
นว่
าโลกมี
อาการป่
วยหนั
กขึ
้
น
อย่
างชั
ดเจนคื
อ
‘โลกตั
วสั
่
น’
เป็
นอาการสั
่
นอย่
างรุ
นแรงของ
เปลื
อกโลก โดยปกติ
จะเรี
ยกว่
า
‘แผ่
นดิ
นไหว’
ซึ
่
งเป็
นโรคที
่
สร้
าง
ความเสี
ยหายและมี
โรคแทรกซ้
อนตามมามากมาย โดยทั
่
วไปแล้
ว
จุ
ดที
่
พบโรคนี
้
ได้
บ่
อยคื
อประเทศที
่
ตั
้
งอยู
่
บริ
เวณรอยเลื
่
อนของเปลื
อก
โลก แต่
ในช่
วงไม่
กี
่
ปี
ที
่
ผ่
านมาอาการป่
วยของโลกคงกำ
�เริ
บหนั
กขึ
้
น
เรื
่
อยๆ เพราะเริ
่
มสั
่
นบ่
อยขึ
้
นและสั
่
นในพื
้
นที่
ที่
แตกต่
างออกไป เช่
น
ประเทศญี่
ปุ่
น ประเทศอิ
นโดนี
เซี
ย ประเทศพม่
า ซึ่
งประเทศหลั
ง
สุ
ดนี้
ส่
งผลกระทบมาถึ
งประเทศไทยตั้
งแต่
จั
งหวั
ดเชี
ยงใหม่
จนถึ
ง
กรุ
งเทพมหานคร
ปกติ
แล้
วแผ่
นดิ
นไหวจะเกิ
ดขึ้
นเองโดยธรรมชาติ
เป็
นการ
สั่
นสะเทื
อนของพื้
นดิ
นอั
นเนื่
องมาจากการปลดปล่
อยพลั
งงาน
หรื
อระบายความเครี
ยดที่
โลกสะสมไว้
ออกมา แต่
มนุ
ษย์
ก็
เป็
น
ต้
นเหตุ
ของแผ่
นดิ
นไหวได้
เช่
นกั
น เช่
น การสร้
างเขื่
อนใกล้
รอยเลื่
อนของเปลื
อกโลก นํ้
าหนั
กของนํ้
าจะเป็
นตั
วกระตุ้
นให้
เปลื
อกโลกปลดปล่
อยพลั
งงาน การทำ
�เหมื
องและการทดลอง
ระเบิ
ดนิ
วเคลี
ยร์
ใต้
ดิ
นทำ
�ให้
เปลื
อกโลกเกิ
ดการสั่
นสะเทื
อน
แม้
กระทั่
งการสู
บนํ้
าใต้
ดิ
น นํ้
ามั
น และก๊
าซธรรมชาติ
ขึ้
นมาใช้
ยั
งทำ
�ให้
เกิ
ดแผ่
นดิ
นไหวได้
เนื่
องจากชั้
นหิ
นเกิ
ดการเคลื่
อนตั
ว
อาการแทรกซ้
อนต่
อมาคื
อ
‘โลกคลื
่
นไส้
อาเจี
ยน’
เมื
่
อเกิ
ด
การสั
่
นไหวมากเข้
าอาการอาเจี
ยนก็
จะตามมาเป็
นเรื
่
องปกติ
เหมื
อนตอนเราเล่
นเครื่
องเล่
นหวาดเสี
ยวตามสวนสนุ
ก การ
เคลื่
อนที่
เร็
วๆ อาจทำ
�ให้
ของเหลวในกระเพาะเคลื่
อนที่
ย้
อนศร
กลั
บออกมาทางปาก คล้
ายกั
นกั
บ
‘ภู
เขาไฟระเบิ
ด’
เมื่
อของเหลว
ที่
อยู่
ใต้
เปลื
อกโลกมี
แรงดั
นสู
ง ก็
จะระเบิ
ดออกมา ภู
เขาไฟระเบิ
ด
เป็
นภั
ยธรรมชาติ
ที่
น่
ากลั
วและสร้
างความเสี
ยหายได้
มากที่
สุ
ดอี
ก
ชนิ
ดหนึ่
ง เหตุ
การณ์
หนึ่
งที่
โลกต้
องจารึ
กไว้
คื
อ เหตุ
การณ์
ที่
ภู
เขาไฟ
นี
อี
รากองโกในสาธารณรั
ฐประชาธิ
ปไตยคองโก พ่
นหิ
น
หลอมเหลวลงสู่
ตั
วเมื
องถึ
งสองครั้
งสองคราเมื่
อปี
ค.ศ.1977 ธาร
ลาวาไหลบ่
าจากตั
วภู
เขาด้
วยความเร็
วกว่
า 95 กิ
โลเมตรต่
อชั่
วโมง
นั
บว่
าเร็
วที่
สุ
ดเท่
าที่
มี
การบั
นทึ
กไว้
ผู้
คนหลายร้
อยคนต้
องสั
งเวย
ชี
วิ
ตแม้
ว่
าธารลาวาจะแข็
งตั
วก่
อนมาถึ
งตั
วเมื
องก็
ตามต่
อมาในปี
ค.ศ. 2002 ภู
เขาไฟลู
กเดี
ยวกั
นนี้
ก็
พ่
นลาวากว่
า 11 ล้
านลู
กบาศก์
-
เมตรลงมายั
งเมื
องโกมา ทำ
�ลายบ้
านเรื
อนไปกว่
า 14,000 หลั
ง
ชาวเมื
อง 350,000 คนต้
องอพยพหนี
ทว่
าการปะทุ
ทั้
งสองครั้
งนี้
ยั
งถื
อว่
าเบาะๆ เมื่
อเที
ยบกั
บฤทธานุ
ภาพที่
นี
อี
รากองโกสามารถ
ปลดปล่
อยหรื
อสำ
�แดงออกมาได้
เต็
มที่
ในอนาคต ล่
าสุ
ดภู
เขาไฟ
ไอยาฟยาพลาเยอร์
คู
ดุ
ลที่
ประเทศไอซ์
แลนด์
ได้
เกิ
ดปะทุ
ขึ้
นมา
เมื่
อวั
นที่
14 เมษายน 2553 เป็
นเหตุ
ให้
ทวี
ปยุ
โรปทั้
งทวี
ปต้
องตก
อยู่
ภายใต้
กลุ่
มหมอกควั
นอยู่
นานหลายสั
ปดาห์
การคมนาคมใช้
การไม่
ได้
ทว่
ามี
การเตรี
ยมพร้
อมรั
บมื
อที่
ดี
จึ
งไม่
เกิ
ดเหตุ
การณ์
น่
าเศร้
าอย่
างที่
ผ่
านมา
โลกคื
อทุ
กสิ่
งทุ
กอย่
างสำ
�หรั
บมนุ
ษย์
เมื่
อมนุ
ษย์
เกิ
ดมาโลก คื
อ
บ้
านให้
ที่
อยู่
อาศั
ย คื
อซู
เปอร์
มาร์
เก็
ตให้
เราเลื
อกสรรอาหารและ
เสื้
อผ้
า คื
อคลั
งเก็
บยารั
กษาโรคที่
ใหญ่
ที่
สุ
ด คื
อสถานที่
ที่
ให้
ความ
รู้
สึ
กมั่
นคงและปลอดภั
ย แต่
โลกใบนี้
กำ
�ลั
งแสดงอาการต่
างๆ
ออกมา ทั้
งอย่
างค่
อยๆ เป็
นค่
อยๆ ไป หรื
อแบบเฉี
ยบพลั
น เพื่
อ
เตื
อนให้
มนุ
ษย์
ผู้
อาศั
ยได้
ทราบถึ
งความผิ
ดปกติ
ที่
เกิ
ดขึ้
นกั
บร่
าง
กลมๆ ของโลกที่
หมุ
นอย่
างไม่
เคยหยุ
ดพั
ก และหากเปรี
ยบโลก
เป็
นเสมื
อนคนๆ หนึ่
ง ตอนนี้
คนๆ นั้
นคงมี
อาการไม่
ต่
างจากผู้
ป่
วย
หนั
ก ที่
กำ
�ลั
งต้
องการการรั
กษาอย่
างเร่
งด่
วน
หลายครั้
งหลายหนที่
ร่
างกายของโลกส่
งเสี
ยงประท้
วงเรี
ยกร้
อง
และทวงถามถึ
งความยุ
ติ
ธรรมว่
าถึ
งเวลาแล้
วหรื
อยั
งที่
โลกจะได้
รั
บการรั
กษาอย่
างถู
กวิ
ธี
ซึ่
งอาการแรกที่
โลกแสดงออกเพื่
อเตื
อน
ให้
รู้
ว่
ากำ
�ลั
งป่
วย คื
อ
‘โลกเป็
นไข้
– ตั
วร้
อน’
หรื
อที่
นั
กวิ
ชาการ
แว่
นหนาเรี
ยกกั
นว่
า
‘ปรากฏการณ์
โลกร้
อน’
หรื
อ‘GlobalWarming’
คื
ออาการที
่
อุ
ณหภู
มิ
เฉลี
่
ยในร่
างกายของโลกสู
งขึ
้
น โดยมี
สาเหตุ
หลั
กมาจากการที
่
เชื
้
อไวรั
ส (มนุ
ษย์
) ในร่
างกายสร้
างสิ
่
ง
เป็
นพิ
ษที
่
มี
ชื
่
อเรี
ยกว่
า คาร์
บอนไดออกไซด์
จากการลำ
�เลี
ยง
สารอาหาร (สิ
นค้
าอุ
ปโภค บริ
โภค) ของเม็
ดเลื
อดขนาด สองล้
อ
สี
่
ล้
อ หกล้
อ แปดล้
อ หรื
อสิ
บล้
อ เป็
นต้
น มี
เทน จากการเผาผลาญ
พลั
งงานประเภทถ่
านหิ
นของร่
างกาย ไนตรั
สออกไซด์
และ
คลอโรฟลู
ออโร-คาร์
บอน จากโรงงานอุ
ตสาหกรรมต่
างๆ ซึ
่
งสิ
่
ง
เป็
นพิ
ษเหล่
านี
้
เป็
นตั
วดั
กจั
บไม่
ให้
ความร้
อนระบายออกจาก
ร่
างกาย ส่
งผลให้
โลกมี
อุ
ณหภู
มิ
เฉลี
่
ยสู
งขึ
้
นนั
่
นเอง โรคนี
้
มนุ
ษย์
ได้
มี
ความพยายามที
่
จะรั
กษาอยู
่
ช่
วงหนึ
่
งด้
วยการปลู
กป่
า หรื
อ
ปลู
กต้
นไม้
เพื
่
อให้
อุ
ณหภู
มิ
ของโลกเย็
นลง แต่
ต้
นกล้
าเล็
กๆ หรื
อ
จะสู
้
ไม้
ใหญ่
เมื
่
อปลู
กต้
นเล็
ก แต่
ตั
ดต้
นใหญ่
ไม่
หยุ
ด ก็
เหมื
อน
เป็
นการพยายามลดไข้
ด้
วยการใช้
ยาแก้
ท้
องอื
ด ซึ
่
งเป็
นการ
รั
กษาที
่
ไม่
ตรงกั
บอาการของโรคนั
่
นเอง
เพราะโลกคื
อ...ผื
นดิ
น
3
เพราะโลกคื
อ...
1,2,3,4
6,7,8,9,10,11,12,13,14,15,...37