แบบเรียนศัพท์โบราณแผลงเป็นแบบเรียนศัพท์สำหรับชั้นประถมศึกษาของกรมศึกษาธิการ กระทรวงธรรมการ แบบเรียนนี้เป็น
ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒ ราคาเล่มละ ๙ อัฐ พิมพ์ที่โรงพิมพ์อักษรนิติ์ บางขุนพรหม
แบบเรียนเล่มนี้แต่เดิมใช้เป็นแบบเรียนวิชาขั้นต้นของโรงเรียนมหาดเล็กของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ซึ่งกำเนิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๖ ต่อมาได้ยกเลิกการใช้แบบเรียนเล่มนี้ เนื่องจากมีการปรับหลักสูตรใหม่ คือ ยกเลิกการสอนวิชาขั้นต้นและได้นำหลักสูตรวิชาขั้นต้นนี้ไปสอนในระดับวิชาสามัญศึกษาของกรมศึกษาธิการ (แบบเรียนศัพท์โบราณแผลง ร.ศ. ๑๒๒ : คำนำ)
โรงเรียนมหาดเล็กจึงสอนแต่วิชาขั้นสูงเท่านั้น แบบเรียนศัพท์โบราณแผลงนี้จึงเป็นการพิมพ์ขึ้นใหม่เป็นครั้งที่ ๒ เมื่อวันที่
๑๕ มกราคม ร.ศ. ๑๒๒ เพื่อใช้สอนในวิชาสามัญศึกษาของกรมศึกษาธิการ โดยมีขุนประสิทธิ์อักษรสารเป็นผู้ตรวจตราแก้ไข
และมีพระยาวิสุทธสุริยศักดิ์เป็นอธิบดีกรมศึกษาธิการ
วัตถุประสงค์ของการจัดพิมพ์แบบเรียนศัพท์โบราณแผลงนี้ ปรากฏในคำนำของแบบเรียนว่า เป็นการรวบรวมคำศัพท์โบราณที่ได้ใช้
กันมานานในภาษาไทย จนความหมายคลาดเคลื่อนไปจากเดิม เพื่อใช้เป็นหนังสือแบบเรียนสำหรับชั้นประถมศึกษา
เนื้อหาของหนังสือแบบเรียนศัพท์โบราณแผลงนี้เป็นการรวบรวมศัพท์โบราณที่ใช้กันมานานและมีความหมายเปลี่ยนแปลงไปเข้าไว้
เป็นหมวดหมู่ ศัพท์โบราณที่รวบรวมไว้นี้ แบบเรียนเล่มนี้กล่าวว่าล้วนเป็น “คำแผลง” ทั้งสิ้น
คำแผลงเป็นคำที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตัวอักษรในคำต่าง ๆ ทั้งด้านรูปอักษรและด้านเสียง ทั้งที่เป็นคำไทยและคำยืม เช่น
ภาษาบาลีสันสกฤตและภาษาเขมรด้วยวิธีต่าง ๆ ให้ผิดจากรูปคำเดิม เพื่อเพิ่มคำขึ้นใช้ในภาษาไทย และเพื่อให้เกิดความไพเราะของเสียงสัมผัสในการแต่งคำประพันธ์ รวมทั้งเพื่อความสละสลวยของคำพูด การแผลงคำดังกล่าวจึงเกี่ยวข้องกับหลักภาษาของภาษาอื่นด้วย เช่น
ภาษาบาลีสันสกฤตและภาษาเขมร
แบบเรียนเล่มนี้นำเสนอคำศัพท์โบราณแผลงจำนวน ๑๖๙ คำ โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ตามลำดับตัวอักษร (นับคำจาก “คำเดิม” โดยมิได้
แยกกลุ่มภาษา) ดังนี้
คำศัพท์โบราณแผลงดังกล่าวให้ข้อมูลเกี่ยวกับคำไว้ ๔ หัวข้อ คือ คำเดิม คำแผลง คำแปล และตัวอย่าง
คำศัพท์โบราณแผลง จำนวน ๑๖๙ คำนี้ มีประเด็นที่จะกล่าวถึง ๓ ประการ คือ วิธีแผลงคำ ที่มาของคำแผลง และความหมายของคำแผลง
ดังรายละเอียดต่อไปนี้
๑. วิธีแผลงคำ คำศัพท์โบราณแผลงในแบบเรียนเล่มนี้ พบการแผลงคำ ๒ วิธี คือ วิธีแผลงสระ และวิธีแผลงพยัญชนะ โดยพบวิธี
แผลงพยัญชนะมากที่สุด ส่วนวิธีแผลงวรรณยุกต์ไม่พบในแบบเรียนนี้ ดังตัวอย่าง
วิธีแผลงสระ
นอกจากการแผลงคำ ๒ วิธี คือ วิธีแผลงพยัญชนะ และวิธีแผลงสระแล้ว ในแบบเรียนนี้ยังมีการแผลงคำอีกแบบหนึ่งที่ไม่สามารถ
จัดเข้าไว้ในวิธีแผลงชนิดใดชนิดหนึ่งดังกล่าว แบบเรียนนี้เรียกว่า การแผลงโดยลดคำเป็นพยางค์ ลักษณะการแผลงนี้ อาจจัดเป็นการกร่อนคำก็ได้ ดังตัวอย่าง
๒. ที่มาของคำแผลง ผลการศึกษาพบว่า คำแผลงที่ปรากฏในแบบเรียนคำศัพท์โบราณแผลง มาจากภาษาต่าง ๆ ๓ ภาษา คือ ภาษาเขมร ภาษาบาลีสันสกฤต และภาษาไทย ดังรายละเอียดต่อไปนี้ ทั้งนี้จะเสนอเป็นตารางประกอบด้วย