Read me 21 - page 25

25
จากกรณีที่กล่าวไปข้างต้น ‘ความรู้สึก’ เกิดขึ้นหลังจากที่เรา
ได้เห็น ‘สัญลักษณ์’ ที่ท�ำหน้าที่เป็น Key Message ของบุคคล
นั้นๆ นั่ นคือ แว่นตากรอบหนา, เครา และการแต่งตัวจัด โดยมี
ที่มาจากการสั่งสมความคุ้นชินและสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่เรา
สัมผัสมาในช่ วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งในความเป็นจริง เขาและเธอ
เหล่านั้นอาจไม่ได้เป็ นอย่างที่เราคิดก็เป็นได้
ตัวอย่ างที่ยกมาให้ เห็นข้างต้น เป็นความรู้ สึกที่ตัดสินจากคน
กลุ่มใหญ่ในสังคมไทยเท่ านั้น ยั งไม่นั บคนกลุ่มอื่นๆ ที่ ไม่ได้ มี
ความรู้สึกเช่นเดียวกัน ในทางกลับกัน ลองมาดูสัญลักษณ์เดิม
แต่มองผ่านสายตาของคนอีกกลุ่มหนึ่งกั นดูบ้าง
สมมติว่าเราเป็ นเด็กวัยรุ่นที่นิยมของแบรนด์เนม เมื่อเห็นเด็ก
นักเรียนสวมแว่นตากรอบหนายี่ห้อดัง แต่งตัวเรียบร้อย เรารู้ แล้ว
ว่าเขาต้องบ้านรวยมีรสนิยมที่ ดี เพราะนั่นมันแว่นตา Super ของ
แท้ราคาเหยียดหมื่นเลยนะ
สมมติว่ าเราเป็นสาวประเภทสองที่นิยมหนุ ่มเซอร์ เมื่อเห็ น
ชายไว้เคราดกครึ้ม ราวกับไม่เคยโกนมาสองสัปดาห์เต็มแต่งตัว
สกปรกมอซอ เรารู้แล้วว่าเขาเป็นคนติสต์ มีเสน่ห์น่ าค้นหา และ
ที่ส�ำคัญต้องแมนมากๆ
สมมติ ว่าเราเป็นสาวที่ นิยมฟังเพลงพั งก์ร็ อก เมื่อเห็ นหญิง
สาวย้อมสีผมแดงสด ทาลิปสติกสีจัดจ้าน สวมเสื้อคว้านคอลึก
ถึงเอว ต้นคอมีรอยสัก เรารู้แล้วว่าเธอเป็นคนชอบฟังเพลงพังก์
ร็ อกเหมือนกัน และถวายตัวให้อย่างเต็มที่
เห็นได้ ว่าเพราะการสั่งสม ความคุ้นชิน และสิ่งแวดล้อมทาง
สังคมที่หล่อหลอมมา ท�ำให้การตีความสัญลักษณ์แตกต่างกัน
อย่างสิ้นเชิง และถ้าสมมติว่าเราเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง ก็เป็นไปได้
อีกว่าการตีความจะต้องเป็นไปในอี กทิศทางหนึ่ง คนคนเดี ยวที่
จะสามารถยื นยันได้ ว่ าตัวตนที่ แท้จริงของบุ คคลเหล่ านี้เป็น
อย่างไร ก็คือเจ้าตัวนั่นเอง
ส�ำนวนที่ว่า “อย่าตัดสิ นคนจากภายนอก” คงเป็นสิ่งที่จริ ง
อย่างปราศจากข้อสงสัย