Read me 21 - page 23

23
สวัสติกะปรากฏให้เห็นโดยทั่วไปในสถาปัตยกรรมแบบฮินดูและ
ทั่วพื้นชมพูทวีปทั้งบนลวดลายกระเบื้อง บนฝาผนัง และในงาน
ศิลปะอื่นๆ ในยุคโบราณ
ในประเทศจี นมีการเย็บสัญลักษณ์สวั สติกะเข้ ากับคอเสื้อ
ของเด็กด้วยความเชื่อที่ว่าสามารถปกป้องเด็กจากวิญญาณร้าย
ได้ ‘รัดยาร์ ด คิปลิง’ (Rudyard Kipling) นักเขียนชาวอังกฤษ ผู้
ได้รั บอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอินเดียก็เคยใช้สวัสติกะพิมพ์ลง
บนปกหนังสือเพื่อเป็นเครื่องหมายการค้ าของตนเอง
สวัสติกะ จึงถูกนิยามความหมายและให้คุณค่าใน ‘เชิงบวก’
จนกระทั่ง 12 มีนาคม 1933 พรรคนาซีเยอรมันประกาศใช้
ผืนธงสีแดงที่มีวงกลมสีขาวและสัญลักษณ์สวัสติกะเวียนขวาอยู่
ตรงกลาง ให้กลายเป็นธงประจ�ำชาติเยอรมันอย่างเป็นทางการ
โดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (Adolf Hitler) ผู้น�ำและผู้ก่อตั้งพรรคนาซี
มีความเชื่ อว่า สวัสติ กะ เป็นสัญลักษณ์ที่มาจากชนชาติอารยัน
เผ่าพันธุ์ดั้งเดิมที่เก่งกล้าเหนือเผ่าพันธุ์อื่นๆ จากอุดมการณ์คลั่ง
เชื้อชาติในครั้งนั้น พรรคนาซีของฮิตเลอร์ ได้ด�ำเนิ นการฆ่าล้าง
เผ่าพันธุ์อื่นที่ต�่ำกว่า โดยเฉพาะชาวยิวไปกว่ า ๖ ล้านคน ถือว่า
เป็นโศกนาฏกรรมครั้งเลวร้ ายที่สุ ดในหน้าประวั ติศาสตร์
มนุษยชาติ
สวัสติกะ กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายพื้นที่หรือ
สิ่ งใดก็ตามที่ บรรจุ สัญลักษณ์นี้ เอาไว้ ถูกรื้อท�ำลาย การใช้
สัญลักษณ์สวัสติกะกลายเป็นเรื่องต้องห้ามในสังคม
การนิยามและให้คุณค่าสิ่งต่างๆ (ในที่นี้คือสัญลักษณ์) อยู่
ภายใต้เงื่อนไขของ ‘ความเลื่อนไหล’ นิยามและคุณค่าสามารถ
เปลี่ยนแปลงไปได้ตามบริบทของสังคม จาก ‘ดี’ อาจจะกลาย
เป็น ‘เลว’ จาก ‘บวก’ ก็อาจจะกลายเป็น ‘ลบ’
เหมือนอย่าง ‘เส้ นผมสีแดง ‘และ ‘รอยไฝ’ ของหญิงสาวใน
ยุคกลาง ที่ถูกก�ำหนดให้เป็น ‘รอยต�ำหนิของปีศาจ’ (diabolical
mark) เป็นสั ญลักษณ์ของความชั่ วร้ายเหมาะที่ จะเผาท�ำลาย
กลับกันถ้ าเป็นในยุคปัจจุบัน หญิงสาวคนที่ว่าก็คงไม่เป็นอะไร
ไปกว่า ผู้น�ำแฟชั่นสีผมสุดร้ อนแรง หรือคนที่ต้องการค�ำปรึกษา
จากผู้ เชี่ยวชาญความงานด้านผิวหนังเท่านั้นเอง
เช่นกั น ‘ปกขาว’ ของหนังสือปลุกใจเสื อป่ายุค ‘ตลาดนัด
สนามหลวง’ ที่ถูกเรียกว่ าหนังสื อต้องห้ามอาจจะจะไม่มีค่าอะไร
เลยหากย้ อนมองบนแผงหนังสือทุกวันนี้ ที่มีสาวๆ นุ ่งน้อยห่ม
น้อยอยู่หน้าหนังสือแทบจะนับนิ้วไม่ หมด
ในเมื่อคุณค่าและความหมายถูก ‘สร้าง’ และ ‘เปลี่ยนแปลง’
ด้วยน�้ำมือมนุษย์ เหตุใดกันเล่า ‘สัญลักษณ์ต้องห้าม’ จะต้องถูก
กีดกันและไม่ยอมรับในสังคมหากมองด้วยใจบริสุทธิ์และซื่อตรง
สัญลักษณ์เหล่านั้นไม่ได้ท� ำผิดไม่ใช่หรือ
เป็นมนุษย์เราต่างหากที่ท�ำผิดและถ้าจะมีสิ่งใดที่ถูกห้ามละ
ก็ น่าจะเป็นตัว ‘มนุ ษย์’ เอง
มนุษย์ที่ ท�ำร้ายกันและกัน...