MARSHAL - page 19

19
ความรั
กจึ
งเป็
นอี
กเครื่
องมื
อส�
ำคั
ญที่
ท�
ำให้
ตั
วตนของคนเรา
เติ
บโต เพราะเมื่
อเรารั
กใครสั
กคนเราก็
จะรั
บเขาเข้
ามาเป็
นส่
วนหนึ่
ในตั
วเรา รวมถึ
งสิ่
งที่
เชื่
อมโยงกั
บเขาก็
จะถู
กเชื่
อมโยงกั
บตั
วตนของ
เรา เหมื
อนเวลาที่
คนสองคนตั
ดสิ
นใจใช้
ชี
วิ
ตร่
วมกั
น เมื่
อนั้
นทรั
พย์
สิ
ส่
วนตนก็
จะแปรสภาพเป็
นสิ
นสมรส เราจึ
งรั
บรู
ว่
าตั
วเรามี
ศั
กยภาพมาก
ขึ้
น ซึ่
งรวมถึ
งความสั
มพั
นธ์
ในรู
ปแบบอื่
นที่
ไม่
ใช่
แค่
คู
รั
กเท่
านั้
น ในแง่
ของมิ
ตรภาพก็
เกิ
ดขึ้
นได้
ด้
วยเช่
นกั
น เช่
น ถ้
าเพื่
อนมี
หนั
งสื
อเล่
มใหม่
แล้
วตั
วเรากั
บเพื่
อนคนนี้
มี
ความสนิ
ทสนมรั
กใคร่
มี
ความสั
มพั
นธ์
อั
นดี
ต่
อกั
น เราก็
สามารถหยิ
บยื
มหนั
งสื
อของเพื่
อนคนนี้
ได้
ซึ่
งหมายความ
ว่
า การที่
เราอาศั
ยทรั
พยากร หรื
อความช่
วยเหลื
อจากคนที่
เรารั
กที่
อยู่
ในความสั
มพั
นธ์
กั
บเราท�
ำให้
เรารั
บรู
ว่
าตั
วเองมี
ความสามารถหรื
อมี
ศั
กยภาพมากยิ่
งขึ้
น ซึ่
งอาจเป็
นหนึ่
งในเหตุ
ผลที่
ท�
ำให้
เรายั
งคงรั
กตราบ
เท่
าที่
ความรั
กท�
ำให้
ตั
วตนของเราเติ
บโต
อ่
านถึ
งบรรทั
ดนี้
เป็
นไปได้
ว่
าอาจมี
ความรู้
สึ
กไม่
ชอบใจในบาง
มุ
มมองของทฤษฎี
นี้
สั
กเท่
าไร เพราะการเลื
อกมองแต่
ในแง่
ตั
วตนอาจ
ชวนให้
รู้
สึ
กเหมื
อนกั
บว่
าตั
วเราดู
จะเห็
นแก่
ตั
วเกิ
นไปหรื
อเปล่
า?
ซึ่
งทฤษฎี
ได้
อธิ
บายอี
กแง่
มุ
มหนึ่
งเกี่
ยวกั
บการขยายตั
วตน
ไว้
อย่
างน่
าสนใจว่
า การที่
เรารั
บรู
ว่
าของที่
เกี
ยวข้
องกั
บคนอื่
นเป็
เหมื
อนกั
บของของเรานั
น ท�
ำให้
เราเกิ
ดความรู
สึ
กรั
บผิ
ดชอบต่
อสิ่
งนั้
ไปด้
วย ดั
งนั้
นเราก็
จะดู
แลรั
กษาหนั
งสื
อที่
เพื่
อนให้
ยื
มมาอย่
างดี
ซึ่
เป็
นปรากฏการณ์
ที่
เกิ
ดขึ้
นกั
บทั้
งสองฝ่
าย เพื่
อนของเราก็
จะรู
สึ
กแบบ
เดี
ยวกั
น จึ
งเหมื
อนเป็
นการผลั
ดกั
นดู
แลซึ่
งกั
นและกั
น นอกจากนี้
การ
ที
เรารั
บใครสั
กคนเข้
ามาเป็
นส่
วนหนึ่
งของกั
นและกั
นในความสั
มพั
นธ์
ความสุ
ข ความทุ
กข์
ความเป็
นอยู
ของคนที่
เราสั
มพั
นธ์
ก็
จะกลายมา
เป็
นส่
วนหนึ่
งของเราด้
วยเช่
นกั
น เราจึ
งพบว่
าเวลาที่
เรารู้
สึ
กกั
งวลหรื
มี
เรื่
องไม่
สบายใจ คนในครอบครั
วก็
จะทุ
กข์
ใจไปกั
บเรา หรื
อแม้
แต่
ที
ฟุ
ตบอลที่
เราเชี
ยร์
ก็
มี
ผลต่
อรอยยิ้
มของตั
วเราได้
ด้
วยเช่
นกั
นเพราะถ้
เรารู
สึ
กชื่
นชอบที
มฟุ
ตบอลนี้
มากก็
เหมื
อนกั
บเรารั
บเอาที
มนี้
เข้
ามาเป็
ส่
วนหนึ่
งของตั
วเรา การแพ้
ชนะในแต่
ละเกมจึ
งมี
อิ
ทธิ
พลต่
อความรู้
สึ
ของเราได้
มากพอสมควร แต่
ทว่
าความสั
มพั
นธ์
ก็
มี
วั
นจื
ดจางตามระยะ
เวลาที่
ผ่
านไป ซึ่
ง Dr. Elaine Aron สนใจศึ
กษาในเรื่
องนี้
จึ
งท�
ำการวิ
จั
เพื่
อค้
นหาวิ
ธี
ที่
จะถนอมความสั
มพั
นธ์
ให้
ยื
นยาวที่
สุ
ด โดยการเลื
อกคู
รั
มารั
บการทดสอบสองเงื่
อนไข วิ
ธี
แรกให้
คู
รั
กท�
ำกิ
จกรรมทั่
วไปที่
ไม่
มี
ความตื่
นเต้
นหรื
อแปลกใหม่
อะไรอย่
างการนั่
งตอบแบบสอบถามด้
วยกั
และวิ
ธี
ที่
สองให้
คู
รั
กท�
ำกิ
จกรรมที่
ทั้
งคู
ไม่
เคยท�
ำมาก่
อนโดยให้
ทั้
งคู
ถู
มั
ดมื
อ มั
ดขา แล้
วคลานบนพื้
นข้
ามสิ่
งกี
ดขวาง แล้
ววั
ดความพึ
งพอใจ
ในความสั
มพั
นธ์
หลั
งการทดลองทั้
งสองวิ
ธี
ซึ่
งผลการวิ
จั
ยพบว่
าวิ
ธี
การ
ที่
สองคื
อการที่
คู
รั
กได้
ท�
ำกิ
จกรรมแปลกใหม่
ด้
วยกั
นนั้
นท�
ำให้
ความพึ
พอใจในความสั
มพั
นธ์
เพิ่
มมากขึ้
น แนวคิ
ดนี้
จึ
งเสนอว่
า วิ
ธี
การถนอม
ความสั
มพั
นธ์
คื
อการที่
ท�
ำให้
ตั
วตนของทั้
งสองคนได้
เติ
บโตไปด้
วยกั
ในทางที่
ดี
เช่
น การเลื
อกท�
ำประสบการณ์
สนุ
กๆ ง่
ายๆ ที่
เป็
นสิ่
งใหม่
ที่
เราไม่
เคยได้
ท�
ำด้
วยกั
น เช่
น ถ้
าเราไม่
เคยเดิ
นพารากอนด้
วยกั
นก็
ลอง
ไปด้
วยกั
น ซึ่
งการได้
เติ
บโตนั้
น ไม่
ใช่
แค่
ไปเดิ
นเล่
นช้
อปปิ้
งในห้
าง แต่
คื
อการเรี
ยนรู้
กั
นและกั
นในมุ
มที่
เราไม่
เคยเห็
น ได้
เป็
น ได้
ไป ได้
ท�
ำ ได้
คิ
ด ได้
ใช้
ในสิ่
งที่
เราไม่
เคยได้
ลอง นั่
นคื
อตั
วตนของเราได้
เติ
บโตด้
วยกั
สาธารณรั
ก จึ
งเป็
นอาณาเขตที่
ไม่
อาจระบุ
พิ
กั
ดของพื้
นที่
ได้
แน่
ชั
ด ขึ้
นอยู่
กั
บความใกล้
ชิ
ดของแต่
ละความสั
มพั
นธ์
แต่
สิ่
งส�
ำคั
ญคื
เจ้
าของพื้
นที่
ต้
องหมั
นช่
วยกั
นถนอมความสั
มพั
นธ์
ให้
วงกลมทั้
งสองได้
เติ
บโต ขยายพื้
นที่
ไปในทิ
ศทางที่
ดี
พร้
อมๆ กั
1...,9,10,11,12,13,14,15,16,17,18 20,21,22,23,24,25,26,27,28,29,...48
Powered by FlippingBook