สารบัญ
พระราชพิธี 12 เดือนในสมัยโบราณ

สังคมไทยเป็นสังคมที่มีพัฒนาการมาอย่างยาวนาน และมีลักษณะวัฒนธรรมประเพณีที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง วัฒนธรรมประเพณีของไทยนั้นเกิดจากการผสมผสานทั้งความเชื่อทางศาสนา และความเชื่อในอำนาจเหนือธรรมชาติเข้าด้วยกัน

ประเพณีของไทยนั้นมีทั้ง 12 เดือน มีทั้งประเพณีหลวง และประเพณีราษฎร์ ประเพณีราษฎร์ (ประเพณี 12 เดือน) พัฒนามาจากพิธีกรรม(นักมนุษยวิทยาอธิบายว่า พิธีกรรมคือพฤติกรรมที่คนในชุมชนแสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมด้วยพื้นฐาน และสำนึกตามระบบความเชื่อ และศาสนาที่แตกต่างกัน แต่มีความประสงค์คล้ายคลึงกันคือ เพื่อดำรงชีวิตอยู่รอดร่วมกัน และต่างก็ทำต่อเนื่องจนเป็นประเพณี) เกี่ยวกับการทำมาหากินของสังคมเกษตรกรรมที่เทคนิควิทยายังไม่ก้าวหน้าเช่นปัจจุบัน และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับอำนาจเหนือธรรมชาติเพื่อขอความมั่นใจ และกำลังใจในการผลิต ส่วนประเพณีหลวง (พระราชพิธี 12 เดือน) มักจะเป็นพิธีที่ช่วยส่งเสริมความชอบธรรมในฐานะผู้ปกครองของพระมหากษัตริย์ บางพิธีช่วยสร้างเสริมความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ หรือบางพิธีจัดเพื่อส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง

ข้อมูลที่เก่าที่สุดเรื่องหนึ่งที่กล่าวถึงพระราชพิธี 12 เดือน ปรากฏในกฎมณเทียรบาลซึ่งเป็นกฎหมายเก่าครั้งกรุงศรีอยุธยาที่รวบรวมไว้ในประมวลกฎหมายตราสามดวง มีรายละเอียดดังนี้

เดือน 5 การพระราชพิทธีเผดจ์ศกลดแจตร ออกสนาม
เดือน 6 พิทธีไพศากขย จรดพระราชอังคัล
เดือน 7 ทูลน้ำล้างพระบาท
เดือน 8 เข้าพระวษา
เดือน 9 ตุลาภาร
เดือน 10 พัทรบท พิทธีสาท
เดือน 11 อาสยุชแข่งเรือ
เดือน 12 พิทธีจรองเปรียง ลดชุดลอยโคม
เดือน 1 ไล่เรือ เถลิงพิทธีตรียำพวาย
เดือน 2 การพิทธีบุตรยาภิเศก เฉวียรพระโคกินเลี้ยง
เดือน 3 พิทธีธานยะเทาะห
เดือน 4 การสํพรรษฉิน

พระราชพิทธีเผดจ์ศกลดแจตร หรือพระราชพิธีเผด็จศกลดแจตร คือพระราชพิธีขึ้นปีใหม่ หรือสงกรานต์ จุดประสงค์ของการจัดพระราชพิธีนอกจากเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่แล้วยังเป็นการทำบุญเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคลในวันปีใหม่ด้วย

พระราชพิธีออกสนามใหญ่ หรือพระราชพิธีออกสนามใหญ่ พิธีนี้ทำไปพร้อม ๆ กัน หรือไล่เลี่ยกับพิธีถือน้ำพิพัฒย์สัตยา ฉะนั้นในปีหนึ่งจึงมีการทำพิธีนี้ 2 ครั้ง คือเดือน 5 และเดือน 10 พระราชพิธีนี้คล้ายงานสวนสนามในปัจจุบัน เพราะมีการตั้งขบวนทหารพร้อมอาวุธมีริ้วขบวนทหารพลเรือนต่าง ๆ สวนสนามให้กษัตริย์ทอดพระเนตร จุดประสงค์ของการประกอบพิธีเพื่อให้ทหาร และพลเรือนแสดงความจงรักภักดี และเป็นการแสดงความพร้อม หรือแสนยานุภาพของกองทหารให้ปรากฏแก่ขุนนางข้าราชการ และเจ้าประเทศราช

พระราชพิธีไพศากขยจรดพระราชอังคัล หรือพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญจุดประสงค์ของพระราชพิธีคือการสร้างขวัญ และกำลังใจอีกทั้งเป็นการทำนาตัวอย่างแก่ราษฎรชักนำให้มีใจหมั่นในการทำนาอันเป็นสิ่งสำคัญในการเลี้ยงชีพ เมื่อประกอบพระราชพิธีนี้แล้วราษฎรจะลงมือทำนาต่อไป

พระราชพิธีทูลน้ำล้างพระบาท ปัจจุบันไม่ทราบแน่ชัดว่าพระราชพิธีนี้คือพระราชพิธีอะไร สันนิษฐานว่าเป็นพิธีส่งเสริมพระบรมเดชานุภาพของพระเจ้าแผ่นดินเป็นการแสดงความสวามิภักดิ์ และยอมรับอำนาจของพระเจ้าแผ่นดิน

พระราชพิธีเข้าพระวษา หรือเข้าพรรษา เป็นพระราชพิธีบำเพ็ญการพระราชกุศลช่วงเข้าพรรษาทั้งการถวายผ้าพระกฐินทางสถลมารค และชลมารค การเสด็จไปทำบุญไหว้พระพุทธบาท

พระราชพิธีตุลาภาร ปัจจุบันไม่ทราบแน่ชัดว่าคือพระราชพิธีอะไรพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอธิบายว่าเป็นพิธีสะเดาะเคราะห์ หรือบำเพ็ญทานแต่ไม่แน่ชัดว่าเป็นการสะเดาะเคราะห์ให้องค์พระมหากษัตริย์ หรือบ้านเมือง ลักษณะการประกอบพระราชพิธีคือ การตั้งตราชั่งข้างซ้ายใส่พระราชทรัพย์ ข้างขวาให้พระมหากษัตริย์ หรือมเหสีประทับ ส่วนเงินทองที่วางบนตราชั่งจะพระราชทานให้ผู้ใดไม่ปรากฏแน่ชัดเช่นกัน

พระราชพิธีพัทรบท พิทธีสารท หรือพระราชพิธีภัทรบทพิธีสารทข้าว กฎมณเทียรบาลกล่าวถึงพิธีนี้ว่าเป็นพิธีเดือน 10 แต่ไม่มีรายละเอียดพิธี โดยทั่วไปแล้วเดือน 10 มีงานพระราชพิธีหลายอย่างรวมทั้งฉลองนาคหลวง พิธีกวนข้าวทิพย์ถวายพระสงฆ์ และพราหมณ์

พระราชพิธีอาสยุชแข่งเรือ คือพิธีแข่งเรือระหว่างเรือของกษัตริย์ และอัครมเหสีเพื่อเสี่ยงทายความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมือง ถ้าเรือของกษัตริย์แพ้ปีนั้นข้าวปลาอาหารจะบริบูรณ์แต่ถ้าเรือกษัตริย์ชนะบ้านเมืองจะมียุคเข็ญ

พระราชพิธีจรองเปรียง ลดชุดลอยโคม ตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ หรือนางนพมาศ อธิบายว่าพิธีนี้เป็นพิธีตามประทีปด้วยน้ำมันเปรียง(น้ำมันไขข้อของวัว) เพื่อบูชาพระพุทธเจ้า หรือสักการบูชาพระมหาเกศธาตุจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์

พระราชพิธีไล่เรือ จุดประสงค์ของการประกอบพิธีเพื่อให้น้ำลดจะได้เกี่ยวข้าวได้ ตามความเชื่อโบราณเมื่อประกอบพิธีนี้จะทำให้น้ำลดอย่างรวดเร็ว พระราชพิธีนี้มีความสำคัญต่อจิตใจของราษฎรซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรม

พระราชพิธีตรียำพวาย หรือพระราชพิธีตรีปวาย หรือพิธีโล้ชิงช้า เป็นพิธีส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในศาสนาพราหมณ์- ฮินดู เป็นพิธีต้อนรับพระอิศวร และพระนารายณ์ซึ่งเสด็จเยี่ยมโลกมนุษย์ปีละครั้ง

พระราชพิทธีบุตรยาภิเศก หรือพระราชพิธีบุษบาภิเษก หรืองานเลี้ยงดอกไม้วงมงคล เป็นพระราชพิธีสนานที่จัดให้มีการสรงน้ำพระเจ้าแผ่นดิน วัตถุประสงค์หลักของพระราชพิธีนี้น่าจะเป็นไปเพื่อการเสริมส่งฐานะ และยกย่องพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์

พระราชพิธีเฉวียรพระโคกินเลี้ยง พระราชพิธีนี้ทำขึ้นเพื่อสมโภชพระโคอุสุภราชซึ่งเป็นพระโคที่ใช้ในการทำพิธีจรดพระนังคัล หรือนัยหนึ่งคืองานบูชาปศุสัตว์ (วัว) เพื่อขอบคุณที่ช่วยทำงานในไร่นาตลอดปีที่ผ่านมา

พระราชพิทธีธานยะเทาะห หรือพระราชพิธีธานย์เทาะห์ หรือพิธีเผาข้าว จุดประสงค์ต้องการประกอบพิธีเพื่อความเป็นสวัสดิมงคล และป้องกันอุบาทว์จัญไรมิให้เกิดแก่พืชพันธุ์ธัญญาหาร การเผาตอ หรือยุ้งข้าวในสมัยก่อนถือเป็นเรื่องสำคัญ และศักดิ์สิทธิ์ เพราะหมายถึงความมั่นคงของชีวิตในอนาคต ด้วยข้าวกล้าในปีเพาะปลูกต่อไปจะเจริญงอกงามอุดมสมบูรณ์มากน้อยอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับการจัดการของปีนี้

พระราชพิธีการสํพรรษฉิน หรือพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ คือพิธีตรุษ หรือพิธีตัดปี เป็นพิธีที่ทำในวันสิ้นปี ในพิธีนี้จะมีการสวดอาฏานาฏิยสูตร เพื่อขับไล่ภูตผีปีศาจ และระวังภัยต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นแก่ผู้คนในพระราชอาณาเขต

หนังสืออ่านเพิ่มเติม
- จุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว, พระบาทสมเด็จพระ. พระราชพิธีสิบสองเดือน. พิมพ์ครั้งที่ 18. กรุงเทพฯ : บรรณาคาร, 2542.
- ตำราพระราชพิธีเก่า และตำราทวาทศพิธี. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2548.
- นางนพมาศ หรือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์. ในวรรณกรรมสมัยสุโขทัย. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2528.
- นามานุกรมขนบประเพณีไทย หมวดพระราชพิธี และรัฐพิธี. กรุงเทพฯ : กรมศิลปากร, 2546.
- ปราณี วงษ์เทศ. ประเพณี 12 เดือนในประวัติศาสตร์สังคมวัฒนธรรมเพื่อความอยู่รอดของตน. กรุงเทพฯ : มติชน, 2548.
๑๘
หน้า ๑๘ จาก ๒๒ หน้า