สารบัญ
พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์

พระที่นั่งองค์นี้เป็นพระที่นั่งที่สร้างต่อเนื่องกับท้องพระโรงกลางพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทด้านตะวันออก ยาวขนานกับมุขกระสัน เมื่อแรกสร้างเคยเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อยู่ชั่วระยะ หนึ่ง เพราะเป็นพระที่นั่งองค์แรกที่ได้มาประทับในหมู่พระราชมณเฑียรนี้ จึงพระราชทานนามว่า “พระที่นั่ง มูลสถานบรมอาสน์” กาลต่อมาเมื่อได้สร้างพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬารขึ้นแล้ว จึงเสด็จพระราชดำเนิน ไปประทับ ณ พระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ดัดแปลงพระที่นั่ง องค์นี้เป็นห้องพระราชทานเลี้ยง

พระที่นั่งองค์นี้ชำรุดทรุดโทรมมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันจึงได้ทรงพระกรุณา โปรดเกล้าฯ ให้รื้อลง แล้วสร้างพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์องค์ใหม่ขึ้นแทน จัดเป็นห้องพระราชทานเลี้ยงเช่นเดิม

การก่อสร้างพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ (องค์ใหม่)

ในขั้นแรกของการดำเนินงานปรับปรุงพระที่นั่งหมู่หลังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทนั้น ได้ดำเนินการรื้อ พระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ ซึ่งแต่เดิมเป็นห้องพระราชทานเลี้ยงที่อาจจัดพระราชทานเลี้ยงได้เพียง ๔๒ คน และรื้อพระที่นั่งนิพัทธพงศ์ถาวรวิจิตรที่สร้างต่อเนื่องกันอยู่นั้นลง แล้วก่อสร้างพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์ องค์ใหม่ขึ้นที่เดิม

พระที่นั่งที่สร้างขึ้นใหม่นี้ สร้างเป็นตึกสองชั้น มีขนาดยาวเท่ากับพระที่นั่งองค์เดิมสององค์รวมกัน องค์พระที่นั่งก่ออิฐถือปูน ส่วนโครงสร้าง โครงหลังคา และคาน เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นเทคอนกรีตเสริมเหล็ก แล้วปูไม้ ปูหินอ่อนทับ ตามความเหมาะสมแก่สภาพของสถานที่แต่ละแห่ง พื้นชั้นบนเสมอพื้นท้องพระโรงกลาง พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท พื้นชั้นล่างสูงกว่าระดับดินเล็กน้อย

ชั้นบน จัดเป็นห้องพระราชทานเลี้ยงเช่นเดียวกับพระที่นั่งมูลสถานบรมอาสน์เดิมแต่ขยายห้องพระราชทาน เลี้ยงให้ใหญ่ขึ้นทั้งด้านกว้างและด้านยาว คือ ขยายออกเป็นห้องกว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๔ เมตร (ห้องเดิมกว้าง เพียง ๘ เมตร ยาว ๑๖ เมตร) เพื่อให้บรรจุแขกที่รับเชิญได้ประมาณ ๗๐ – ๘๐ คน ภายในห้องได้ดัดแปลง ผิดจากพระที่นั่งองค์เดิมบ้าง เช่น เลื่อนแนวเพดานให้สูงขึ้นไม่ให้มีผนังและเฉลียงทางด้านใต้ ขยายห้องกว้างจรด แนวพระบัญชร และทำพระบัญชรเป็นช่องสูงใหญ่ เพื่อให้โปร่งและแลดูโอ่งโถขึ้นบัวคอสองเรียบไม่มีลายปูนปั้น เหมือนเดิม แต่ลายเพดานนั้นทำให้มีส่วนละม้ายคล้ายคลึงกับของเดิม เช่นให้คงมีตราพระจุลมงกุฎประกอบลาย มงคลแปดอยู่ตามสภาพเดิม แต่ตัวลายทำให้โปร่งขึ้นไม่ให้หนาทึบอย่างเดิมเท่านั้น ไฟฟ้าซ่อนอยู่ในระหว่างชั้น ของเพดานไม่แขวนโคมระย้าเหมือนที่พระที่นั่งองค์เดิม

เหนือลูกกรงเฉลียงด้านหน้า เป็นคูหาโล่งอยู่ทุกช่วงเสาเหมือนเดิม แต่ในวงขอบของคูหาถือปูนเรียบไม่มี ลายปูนปั้นประดับดังแต่ก่อน

เริ่มลงมือก่อสร้างเมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๒ ก่อสร้างตัวอาคารแล้วเสร็จเมื่อพุทธศักราช ๒๔๙๖ หลังจากนั้น ได้ดำเนินการตกแต่งภายในประกอบความงดงาม เช่น จัดทำลายปูนปั้น สลักลายเสา ทำเครื่องตกแต่งและสิ่งของ เครื่องใช้อย่างอื่นตลอดจนการติดตั้งโคมไฟฟ้า การได้แล้วเสร็จโดยสมบูรณ์เปิดใช้เป็นห้องพระราชทานเลี้ยงรับรอง พระราชทานเลี้ยงรับรองพระราชอาคันตุกะชั้นประมุขของประเทศได้ เมื่อเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐

๒๓
หน้า ๒๓ จาก ๒๗ หน้า